ยังไม่ถึงวัยเกษียณ
แต่ “ความเสื่อม” มาเยือนแล้ว!!
จริง ๆ
แล้วอาการปวดไหล่ไม่ใช่เรื่องเจ็บป่วยที่จะเป็นอันตรายรุนแรงถึงขั้นที่จะทำให้ผู้ป่วยมีอันต้องล้มหายตายจาก
แต่จากคำแนะนำของคุณหมอได้ฝากไว้และได้อ่านผ่านไปหมาด ๆ ก็เท่ากับเป็นการย้ำไว้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยปละละเลยโดยไม่ให้ความสำคัญ
เพราะเมื่อเกิดกรณีที่เอ็นหัวไหล่ฉีกขาดขึ้นมาแล้วใช่ว่ามันจะสร้างความเจ็บปวดเท่านั้น
แต่ในระยะยาว อาจถึงขนาดใช้แขนข้างที่เอ็นหัวไหล่ฉีกขาดไม่ได้อย่างถาวรเลยทีเดียว โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการบำบัดรักษาอย่างถูกวิธี...ซึ่งมิได้แตกต่างจากคุณหมอผู้ชำนาญการส่องกล้องรักษาข้อต่อแห่ง
“ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา” จังหวัดเชียงใหม่ ผู้มีนามว่า “นพ.ไกรพ วิวัฒนพณิชย์” แต่อย่างใด...ดังจะเห็นได้จากกรณีของ
“คุณสมบูรณ์ ถาวร” อายุ 62 ปีผู้มีความอดทนต่อฤทธิ์ของอาการปวดไหล่มานนานถึง
10 ปีจนกลายเป็น “ปวดไหล่เรื้อรัง”
กว่าจะอดรนทนไม่ไหวจึงได้ไปพึ่งพาหาหมอ พร้อมกับเผยให้ทีมงาน “อุ่นใจ...ใกล้หมอ”
ทราบถึงความทุกข์ที่ฝืนทนมาก่อนหน้านี้ว่า
“...เริ่มรู้สึกมีอาการปวดไหล่ข้างขวา
ในช่วงอายุประมาณ 40 – 50 ปี โดยจะมีอาการปวดไหล่ ล้าไหล่
ซึ่งคิดว่ามาจากการทำงานตลอดทั้งวัน โดยได้พยายามหาทางบรรเทาอาการปวดนี้
ด้วยการพักการใช้งาน ซึ่งถ้าวันไหนปวดมาก ๆ และไปหาหมอ
ซึ่งก็ได้รับยามาทานแก้อาการปวด รวมทั้งฉีดยาเพื่อบรรเทาอาการปวดอยู่เรื่อยมา
จนเมื่อไม่นานมานี้ อาการปวดไหล่ของผมเริ่มมีอาการรุนแรงมากขึ้น
จากที่เจ็บไหล่อยู่ข้างเดียว ก็เริ่มเจ็บไหล่ทั้งสองข้างแล้ว
ทำให้รบกวนชีวิตประจำวันอย่างมาก ทั้งทำงานก็ลำบาก เจ็บไหล่อยู่ตลอด ขับรถนาน ๆ
ก็ไม่ได้ เนื่องจากต้องใช้แรงจากหัวไหล่ในการบังคับทิศทาง ต้องสลับแขนในการใช้งานในบางครั้ง
จนทนกับอาการนี้ไม่ได้แล้ว ต้องเข้าไปพบแพทย์ที่ ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา
เพื่อวินิจฉัยอาการ และหาทางรักษาให้เร็วที่สุด...”
ไม่ต้องบอกก็คงเดาออกว่าปัญหาของผู้ป่วยรายนี้เกิดจาก...เอ็นไหล่เสื่อม
และฉีกขาด...ซึ่งไม่ต่างจากผู้ป่วย
2 รายที่ได้เผยแพร่ในช่วงแรกนั่นเอง
“เอ็นหัวไหล่” สำคัญไฉน...รักษาอย่างไรหากมีปัญหา??
คราวนี้มาติดตามข้อมูลจาก
“คุณหมอไกรพ...แพทย์ผู้ชำนาญการส่องกล้องรักษาข้อต่อ” ประจำ “ศูนย์โรคปวดเข่า…รพ.ลานนา” ซึ่งได้อธิบายว่า
“...เอ็นหัวไหล่
ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวส่วนบน ทำหน้าที่เชื่อมระหว่างแขนบน และสะบักเข้าด้วยกัน
โดยมีกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นพยุงเอาไว้โดยรอบหัวไหล่ ซึ่งทำให้หัวไหล่มีความแข็งแรง
และทำให้กล้ามเนื้อไหล่หมุนได้ เพื่อการทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ แต่หากเมื่อใดก็ตามที่เกิดอาการเอ็นข้อไหล่บาดเจ็บหรือเอ็นหัวไหล่ฉีกขาด
ก็อาจส่งผลให้เกิดความเจ็บปวด และไม่สามารถยกแขนใช้งานได้ตามปกติ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน...สำหรับการรักษากลุ่มผู้ป่วยที่ปวดข้อไหล่นั้นสามารถแบ่งออกเป็น
3-4 ระดับ อย่างแรกคือ...พักการใช้ไหล่ โดยอาจร่วมกับการกินยา
ซึ่งมีทั้งยาต้านการอักเสบ ยาลดปวด ยาคลายกล้ามเนื้อแล้วแต่ความเหมาะสม ต่อมาคือ...ทำกายภาพ
บริหารข้อไหล่ หรือเสริมสร้างความแข็งแรงให้ข้อไหล่ แต่หากผู้ป่วยได้กินยาแล้ว
ทำกายภาพแล้วยังไม่หาย ก็จะใช้...ยาฉีด...เพื่อลดการอักเสบที่ข้อไหล่
แต่อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยรักษาตามลำดับขั้นตอนแล้วอาการไม่ดีขึ้น ทางเลือกสุดท้ายอาจลงเอยด้วยการ...ผ่าตัด
ในที่สุด...”
ใช้เทคโนฯ
ผ่าตัดซึ่งเป็นที่นิยม-ผลการรักษาดี...
ก่อนไปถึงขั้นตอนการรักษา
“คุณหมอไกรพ” ให้ข้อมูลว่าแพทย์จะต้องรู้สาเหตุ
และปัญหาต้นตอที่เกิดขึ้นว่ามาจากอะไร โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกายเบื้องต้นพร้อมกับสอบถามซักประวัติของอาการเจ็บป่วย
เพื่อวินิจฉัยให้ชัดเจนว่าอาการบาดเจ็บเป็นที่กระดูกหรือที่กล้ามเนื้อ
ซึ่งการตรวจด้วยฟิล์มเอกซเรย์ก็จะช่วยให้ทราบว่ามีความผิดปกติที่กระดูกหรือไม่
หากสงสัยว่าเป็นที่เนื้อเยื่อรอบ ๆ หรือเส้นเอ็นหัวไหล่ฉีกขาดก็สามารถตรวจเพิ่มเติมโดย
“เทคโนโลยีการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” หรือ MRI ซึ่งจะช่วยให้แพทย์มองเห็นร่องรอยการฉีกขาดของเส้นเอ็น หรือสภาพภายในหัวไหล่อย่างชัดเจน
และเมื่อทราบที่มาสาเหตุของปัญหาแล้วก็จะวางแผนในขั้นตอนการรักษาได้อย่างถูกต้อง
ดังเช่นในกรณีของ “คุณสมบูรณ์” ซึ่งผ่านการตรวจด้วย MRI มาแล้วและผลปรากฏชัดว่า...เอ็นหัวไหล่มีความเสื่อมมาก ถึงกับทำให้เอ็นโดยรอบหัวไหล่เกิดการฉีกขาดและส่งผลให้ผู้ป่วยปวดไหล่ตลอดเวลาที่ใช้งาน
แม้จะได้ผ่านการรักษาเบื้องต้นมาแล้วแต่ก็ไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น
ทางเลือกสุดท้ายในการรักษาคือ “การผ่าตัดซ่อมเอ็นหัวไหล่ ด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดแบบส่องกล้อง”
เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรายนี้พ้นจากความเจ็บปวดปวดไหล่เรื้อรังที่เกิดขึ้น
โดยที่แผลจากการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมีขนาดเล็กราว 3-4
มิลลิเมตรสำหรับสอดเครื่องมือและกล้องขนาดเล็กที่มีกำลังขยายสูงเข้าไปบริเวณรอบ ๆ
หัวไหล่เพื่อทำการผ่าตัดเข้าไปเย็บซ่อมเอ็นโดยที่กล้ามเนื้อบริเวณที่ผ่าตัดไม่บาดเจ็บมาก
ผู้ป่วยจึงรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลหลายวัน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเดิม...ปัจจุบันการผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีนี้เป็นที่นิยมและให้ผลการรักษาที่ดี
ความสุขคืนมาพร้อมเอ็นหัวไหล่ได้รับการซ่อมแซม!!
ผู้ที่จะบอกเล่าเรื่องนี้ได้อย่างเต็มปากคือ “คุณสมบูรณ์” ซึ่งได้ถ่ายทอดความรู้สึกที่น่าสนใจหลายแง่
เริ่มตั้งแต่อาการปวดไหล่ทั้งสองข้างที่หายไป โดยที่การผ่าตัดไม่ได้น่ากลัวเหมือนในอดีตทำใหเจ้าตัวเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับการผ่าตัดได้อย่างสิ้นเชิงจากเดิมที่เคยเห็นเคยได้ทราบว่าการผ่าตัดแบบเปิดที่ใช้รักษาเมื่อก่อนจะมีรอยแผลเป็นแนวยาว
ทำให้ต้องเจ็บตัวมากและพักฟื้นนาน แต่การผ่าตัดแบบส่องกล้องนี้ใช้เวลาพักฟื้นที่โรงพยาบาล
2 คืนก็กลับบ้านแล้ว จากนั้นอีกไม่ถึงเดือนก็ได้เริ่มกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูอาการ ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็จำเป็นต้องใช้เวลาให้เส้นเอ็นได้ฟื้นตัวแข็งแรงต่อไป
“...ผมพอใจการรักษาครั้งนี้มากครับ จึงอยากบอกต่อมายังผู้ที่มีปัญหาเช่นเดียวกับผมว่าอย่ารอให้อาการหนัก
แต่ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วเมื่อมีอาการ หรือท่านที่มีอาการเรื้อรังแล้วก็ไม่ต้องกลัวเรื่องผ่าตัดเพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไปแล้วเหมือนที่ผมได้ประสบการณ์มาแล้วจากโรงพยาบาลลานนาครั้งนี้ครับ...”
จะเห็นได้เลยว่าจะเป็นชาวเชียงใหม่หรืออาศัยอยู่ในจังหวัดใกล้เคียงก็สามารถพึ่งพาอาศัยใช้ประโยชน์จาก
“เทคโนโลยีการแพทย์ที่ก้าวหน้าทันสมัย”
ได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายเดินทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเพื่อไปรับการรักษา
“เอ็นหัวไหล่ฉีก” เหมือนแต่ก่อน เพราะอย่างน้อยก็มี “ศูนย์โรคปวดเข่า…รพ.ลานนา” ซึ่งมีทั้ง “ศักยภาพและความพร้อม”
สำหรับให้บริการดูแลตรวจ-รักษาภาวะอาการแบบเดียวกันนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่เช่นกัน