ทางเลือกใหม่!! #ฉีดวัคซีนโมเดอร์นา #ใต้ผิวหนัง โรงพยาบาลลานนา
โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่ ใช้เทคโนโลยี ช่วยในการวินิจฉัย และรักษาโดยการส่องกล้อง www.lanna-hospital.com
ทางเลือกใหม่!! #ฉีดวัคซีนโมเดอร์นา #ใต้ผิวหนัง โรงพยาบาลลานนา
โรงพยาบาลลานนา ออกเยี่ยมคลินิกเครือข่าย 2565
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 ตัวแทนผู้บริหาร เจ้าหน้าที่แผนกสื่อสารการตลาด ออกเยี่ยมคลินิกเครือข่าย พร้อมมอบของขวัญที่ระลึก เพื่อขอบคุณที่ได้ให้ความร่วมมือในการเป็นสถานพยาบาลเครือข่ายของ #โรงพยาบาลลานนา ด้วยดีตลอดมา
โรงพยาบาลลานนา รับมอบรางวัล องค์กรทำประโยชน์เพื่อสังคม (CSR) ในวันคนพิการสากล 2564
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ “องค์กรทำประโยชน์เพื่อสังคม (CSR) ให้แก่โรงพยาบาลลานนา ในงานวันคนพิการสากล ประจำปี 2564
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 .. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดงานวันคนพิการสากลจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2564 ซึ่งเลื่อนจาก วันที่ 3 ธันวาคม ของทุกปี มาจัดในวันนี้ จากสถานการณ์โรคโควิด-19 ภายใต้หัวข้อหลัก คือ “คนพิการร่วมนำการเปลี่ยนแปลง เพื่อการเข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า .. สู่โลกใหม่หลังโควิด-19 อย่างยั่งยืน” ณ ลานกิจกรรมมีโชค จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนางจิราพร เชาวน์ประยูร ยามาโมโต้ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์การจัดงานวันคนพิการสากลจังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2564 ต่อนายวรญาณ บุญณราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ “องค์กรทำประโยชน์เพื่อสังคม” (CSR) ให้แก่ โรงพยาบาลลานนา จ.เชียงใหม่ โดยมีตัวแทนผู้บริหาร นางจิราลักษณ์ จันทร์กระจาย หัวหน้าแผนกสื่อสารการตลาด โรงพยาบาลลานนา เป็นผู้รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้ เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับองค์กรที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนพิการ
สำหรับรางวัล "องค์กรทำประโยชน์เพื่อสังคม (CSR)" ที่โรงพยาบาลลานนาได้รับในครั้งนี้ เป็นรางวัลที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่น เอาใจใส่ และช่วยเหลือสังคมของโรงพยาบาลลานนา ที่ให้ความใส่ใจทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้วยดีตลอดมา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มคนพิการถือเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบาง และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งทางตรง และทางอ้อม โรงพยาบาลลานนา ได้ร่วมช่วยเหลือ ส่งเสริม และสนับสนุนให้คนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ได้เข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในสังคมอย่างเสมอภาคเท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการดูแลสุขภาพ การได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งในปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลลานนา ได้จัด "โครงการ CSR ลานนาเพื่อสังคม ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม" โดยได้รับการสนับสนุนวัคซีนบริจาคส่วนหนึ่งจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ให้แก่ประชาชนกลุ่มคนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ในความดูแลของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เป็นจำนวนทั้งสิ้น 2,287 คน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือให้กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันโรคไม่ให้เกิดความรุนแรง และแพร่ระบาดสู่ชุมชนต่อไป
📌📌📌ไม่พลาดทุกข่าวสารน่ารู้ จาก #โรงพยาบาลลานนา
ติดตาม ไลน์ https://line.me/R/ti/p/%40lannahospital
เพิ่มเพื่อน www.facebook.com/lannahospital.cm
กดไลค์เพจ www.facebook.com/lannahospital
อย่าลืมกดเลือก ⭐️#เห็นโพสต์ก่อน หรือ #SeeFirst กันด้วย 😊😊😊
ข่าวดี !!! ผู้ประกันตนทั้งในจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน
✳️โดยผู้ประกันตนสามารถ ใช้สิทธิทุกอย่างเหมือนกัน ได้ทั้ง 2 โรงพยาบาล
#สิทธิ์รักษาพยาบาล#สิทธิ์การตรวจสุขภาพประจำปี#สิทธิ์ทันตกรรม#สิทธิ์วัคซีนไข้หวัดใหญ่
ท่านสามารถเลือกสถานพยาบาลหลักในโครงการประกันสังคม หรือย้ายสถานพยาบาลในปี 2565 นี้..
กดเลือก..
✅โรงพยาบาลลานนา อันดับ 1
✅โรงพยาบาลลานนา 3 อันดับ 2
#เปลี่ยนสิทธิสถานพยาบาลได้ด้วยตนเอง 3 ช่องทาง
1. ยื่น ที่สำนักงานประกันสังคมทุกแห่งทั่วประเทศ
2. ทำรายการผ่าน www.sso.go.th เปลี่ยนผ่านเว็บไซต์ประกันสังคม
3. ทำรายการผ่าน Applications SSO Connect... เพื่อเปลี่ยนสถานพยาบาลได้ด้วยตนเอง
♦️โดยมีระยะเวลาเปลี่ยนสิทธิ์ตั้งแต่ 16 ธันวาคม 2564 – 31 มีนาคม 2565 นี้เท่านั้น
#ย้ายสิทธิประกันสังคม #ผู้ประกันตน#มาร่วมเป็นครอบครัวโรงพยาบาลลานนาด้วยกัน#โรงพยาบาลลานนา #โรงพยาบาลของครอบครัวเรา
สวมเกราะให้น้อง..ป้องกันโควิดด้วยวัคซีน
ซิโนฟาร์ม
โรงพยาบาลลานนา พร้อมฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม
เด็กนักเรียน อายุ 6-17 ปี #studentvaccine #sinopharm
ข่าวดีสำหรับผู้ปกครอง ที่ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 ตัวเลือก ชนิดเชื้อตาย ซิโนฟาร์ม จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นพ.ดุสิต ศรีสกุล
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลานนา ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวล่าสุด
ว่าจากข่าวจากคณะกรรมการอาหารและยา ประกาศขยายขอบเขตการใช้วัคซีนซิโนฟาร์ม
ให้ฉีดได้ ในกลุ่มเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป
โดยไม่ต้องมีการปรับขนาดยา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 นั้น ขณะนี้โรงพยาบาลลานนา พร้อมให้บริการแล้ว
จากเดิมที่เป็นศูนย์ฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ อยู่แล้ว
มีผู้ปกครองเด็กๆ สอบถามมาเป็นจำนวนมาก แต่เรายังไม่สามารถให้บริการได้
หลายท่านต้องบินลงไปฉีดเองถึงกรุงเทพ โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีโครงการ “Vacc
2 School” นำร่องฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม
ให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและเตรียมความพร้อมให้นักเรียนก่อนเปิดภาคเรียนใหม่
มาก่อนหน้านี้แล้ว ถือเป็นข่าวดีที่รอคอยสำหรับผู้ปกครองที่เชียงใหม่
เราจะมีบริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม ในเด็กได้แล้วเป็นทางเลือก
ซึ่งในสถานการณ์โควิดปัจจุบันของเชียงใหม่ เราพบว่ามีการติดเชื้อในครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น
ลามไปถึงในโรงเรียน และสถาบันการศึกษาหลายแห่งไม่สามารถเปิดการเรียนการสอน on
site ได้ตามปกติ
สำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (Inactivated
Vaccine) เป็นเชื้อไวรัส COVID ที่อยู่ในเซลล์เพาะเลี้ยง (Vero Cell) และถูกทำให้เชื้อตายจนไม่สามารถแบ่งตัวหรือเพิ่มจำนวนได้อีก
โดยซากไวรัสจะเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ตอบสนอง
และผลิตสารแอนติบอดี้ขึ้นมา โดยไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในร่างกาย
สำหรับผู้ปกครอง หรือโรงเรียนที่สนใจ โรงพยาบาลลานนา เปิดให้บริการรับจองวัคซีนซิโนฟาร์ม
ในกลุ่มเด็กนักเรียน อายุ 6-17 ปี ในราคา 900 บาท ต่อเข็ม (รวมค่าประกันการแพ้วัคซีนแล้ว) ซึ่งในเด็กแต่ละคน
จะต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 21 วัน หรือ 3 สัปดาห์
ให้บริการฉีดที่ โรงพยาบาลลานนา3 ทุกวัน โดยเปิดให้เข้าทำการผ่านระบบออนไลน์
สามารถเลือกวันฉีดได้ด้วยตนเอง หรือ สามารถเข้าไปทำรายการได้ทางหน้าเว็บไซค์
โรงพยาบาลลานนา www.lanna-hospital.com
☎️หากท่านต้องการ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม #ติดต่อได้ที่ #แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โรงพยาบาลลานนา โทร.052-134777
อย่าปล่อย “ต่อมไทรอยด์” ขนาดโตมากขึ้นเสี่ยงเป็นมะเร็ง!!
รพ.ลานนา เชียงใหม่ ใช้เทคโนฯ ผ่าตัดส่องกล้องผ่านปาก “ไร้แผลเป็น”ผู้มีประวัติครอบครัวเป็นโรคไทรอยด์พึงระวัง!!
คุณผู้หญิงชาวเหนือท่านหนึ่งได้เผยกับทีมงาน
“อุ่นใจ...ใกล้หมอ” เกี่ยวกับอาการป่วยด้วย “โรคไทรอยด์”
ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อนโดยเริ่มสังเกตว่าเกิดอาการเหนื่อย ใจสั่นเวลาทำงาน ซึ่งมักเกิดขึ้นเดือนละประมาณ 3-4 ครั้ง แต่ด้วยความที่คุณแม่มีประวัติเป็นโรคไทรอยด์จึงเกรงว่าตัวเองจะได้รับถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมจึงไปให้คุณหมอตรวจและแล้วคุณผู้หญิงรายนี้ซึ่งมีนามว่า
“คุณนิภาวรรณ พรหมพนัส” ก็ทราบว่าป่วยด้วยโรคไทรอยด์เป็นพิษจริงดังที่สงสัยและได้เข้าสู่กระบวนการรักษาตามปกติโดยกินยารักษาตามอาการ
ซึ่งในช่วงแรกที่เป็นโรคไทรอยด์นั้นไม่ได้คิดว่าจะมีอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่ออาการดีขึ้นจึงละเลยการทานยาไปบ้างหรือทานไม่สม่ำเสมอนั่นเองทำให้ไทรอยด์กลับมากำเริบอีกครั้ง
ซึ่ง “คุณนิภาวรรณ” ให้ข้อมูลว่า
“... ล่าสุดนี้พบว่าเป็นบ่อยขึ้นแถมยังสังเกตได้ว่าคอของตัวเองเริ่มบวมโตจนคนใกล้ชิดสามารถสังเกตเห็นได้
ทำให้ตัดสินใจไปรักษาโดยได้ปรึกษาคุณหมอที่ โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่ และได้เข้ารับการตรวจโดย คุณหมอไปรพิดา รามนัฎ เริ่มจากการซักถามประวัติการรักษาที่ผ่านมาและได้แนะนำวิธีการรักษาต่อไป
พร้อมกับให้ความเห็นว่าหากอาการไม่รุนแรงหรือโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งยังต่ำแพทย์อาจให้กินยาเพื่อควบคุมมิให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนผิดปกติเกินไป
และวิธีคือการกลืนแร่ไอโอดีนเพื่อให้ไปทำลายเซลล์ของต่อมไทรอยด์และลดขนาดต่อมให้เล็กลง
เมื่อมันผลิตฮอร์โมนน้อยลงก็จะเป็นการควบคุมภาวะของโรคไทรอยด์ไปด้วย แต่ในกรณีที่รักษาแล้วไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงและมีความเสี่ยง
เช่น ต่อมไทรอยด์มีขนาดโตมากขึ้น
หรือตรวจพบว่าเป็นมะเร็งก็จำเป็นที่แพทย์ต้องแนะนำให้ผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออกค่ะ...”
เมื่อ “คุณนิภาวรรณ” ได้ทบทวนแล้วเห็นว่าการรักษาในเบื้องต้นยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
ขณะที่เจ้าตัวอยากหายจากโรคไทรอยด์ก็คงหนีไม่พ้นที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดขจัดต่อมนี้ออกไปให้พ้น
แต่มาสะดุดหยุดอยู่ตรงที่ไม่อยากมีแผลเป็นแนวยาวปรากฏอยู่ที่คอหลังการผ่าตัดซึ่งใคร
ๆ ก็มองเห็น ซึ่งทำให้เจ้าตัวกังวลว่าจะทำให้เสียความมั่นใจอีกต่างหาก จึงได้รับคำแนะนำให้ไปปรึกษาเรื่องการผ่าตัดกับ
“นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์...ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดผ่านทางกล้อง”
ประจำ “โรงพยาบาลลานนา” จึงได้ทราบว่ามีการนำ “เทคโนโลยีผ่าตัดแบบส่องกล้อง”
เพื่อการรักษา “โรคไทรอยด์” แล้วที่โรงพยาบาลแห่งนี้
รพ.ลานนา พัฒนาใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดไทรอยด์ ด้วยการส่องกล้องไร้แผล
ถ้ามองย้อนกลับไปในอดีตก็ต้องบอกว่าการผ่าตัดไทรอยด์ใช้วิธีการผ่าตัดแบบเปิด
โดยจะผ่าตัดที่บริเวณคอในแนวขวางเพื่อให้ตัดไทรอยด์ออกได้หมดรวมถึงสามารถเลาะต่อมน้ำเหลืองได้บางกรณี
แต่แน่นอนว่าหลังการผ่าตัดแล้วจะทำให้ผู้ป่วยมีแผลเป็นตามแนวขวางที่ลำคออย่างชัดเจน
และนั่นคือที่มาของการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดต่อมไทรอยด์แบบแผลเล็กโดยการผ่าตัดผ่านกล้องในหลายตำแหน่ง
เช่น รักแร้ หัวนม เพียงแต่ว่ายังมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น
ระยะจากรักแร้ไปยังต่อมไทรอยด์มีระยะทางไกล ทำให้การผ่าตัดค่อนข้างยาก
และหากต้องผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออกทั้ง 2 ข้าง จะต้องผ่ารักแร้ทั้ง 2
ข้างด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นตามบริเวณลำตัวหรือรักแร้ของผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดอยู่ดี...แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์จึงช่วยให้การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องไม่ยุ่งยากเหมือนแต่ก่อน
เนื่องจากมีการประดิษฐ์คิดค้น “เทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้องผ่านช่องปากแบบไร้แผลเป็น”
โดยที่ “ศูนย์ศัลยกรรมส่องกล้อง โรงพยาบาลลานนา” ได้สั่งนำเข้ามาทำการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไทรอยด์
ซึ่ง “นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์...แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการส่องกล้อง” ได้อธิบายถึงความแตกต่างและข้อดีของการใช้
เทคโนโลยีการผ่าตัดแบบส่องกล้องนี้ว่า
“...เป็นการรักษาผู้ป่วยด้วยการผ่าตัดผ่านช่องปากโดยเปิดรูเล็กประมาณ 1-2 ซ.ม.
สำหรับสอดอุปกรณ์กล้องขนาดจิ๋วและเครื่องมือผ่าตัดพิเศษด้วยการเลาะไปใต้ผิวหนังลงไปถึงบริเวณต่อมไทรอยด์
เพื่อตัดต่อมไทรอยด์ที่มีปัญหาออก ซึ่งวิธีการเปิดแผลภายในช่องปากนี้จะช่วยให้มีการสมานแผลได้ดีกว่าเปิดแผลภายนอก
ช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อได้มาก เสียเลือดน้อยกว่า
ที่สำคัญคือผู้ป่วยไม่มีแผลเป็นภายนอกเลย
จึงกล่าวได้ว่าเป็นจุดเด่นของการรักษาที่แตกต่างจากการผ่าตัดแบบเปิดเช่นในอดีต
จึงทำให้หลังการรักษาผู้ป่วยไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นภายนอกอีกต่อไป
“ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด...” คำกล่าวของผู้มีประสบการณ์
หลังจากได้ฟังคำอธิบายและได้ความกระจ่างชัดจาก “คุณหมอราชันย์พัทธ์”
แล้ว “คุณนิภาวรรณ” จึงได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ตโดยยอมรับว่ายังมีความรู้สึกกังวลและกลัวการผ่าตัดเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว
แต่ภายหลังจากที่ได้เข้ารับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวบอกเลยว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ทั้งยังใช้เวลาพักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียง
2 คืนคุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้
โดยสามารถพูดคุยและทานอาหารได้ มีอาการตึง ๆ ที่ตำแหน่งที่ผ่าตัดเล็กน้อย
โดยให้รายละเอียดเสริมว่า
“...หลังจากเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคไทรอยด์ ก็รู้สึกดีขึ้นมาก อาการเหนื่อย ใจสั่น จากที่เคยเป็นก็หายไป มีความมั่นใจมากขึ้น แพทย์แนะนำให้พักฟื้นที่บ้านอีก 10 วันและให้งดอาหารรสจัด ของหมัก ดอง ซึ่งก็สามารถทานอาหารได้ตามปกติ และอีก 1 อาทิตย์หลังจากนั้นดิฉันก็สามารถใช้ชีวิตตามปกติเรื่อยมาเลยค่ะ ที่ชอบมากคือไม่มีรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด รู้สึกประทับใจในการรักษามากเลย จึงอยากแนะนำท่านอื่น ๆ ที่เข้าข่ายว่าจะเป็นไทรอยด์แบบเดียวกันนี้ให้เริ่มสังเกตอาการด้วยตนเองไว้ก่อนจะดีมาก และหากคิดว่าน่าจะเป็นอาการจากโรคไทรอยด์ก็ควรรีบไปพบคุณหมอโดยเร็วดีกว่า เพราะหากได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะเป็นผลดีต่อตัวผู้ป่วยเองค่ะ...”
“หมอจอแก้ว” เชื่อเหลือเกินว่าคำบอกเล่าของผู้ผ่านประสบการณ์ในการผ่าตัดครั้งแรกอย่าง
“คุณนิภาวรรณ”
น่าจะมีส่วนช่วยให้ท่านผู้อ่านชาวเหนือโดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มักตกเป็นเหยื่อของ “โรคไทรอยด์เป็นพิษ”
มีแง่มุมที่เกิดประโยชน์สำหรับการสังเกตตนเองต่อไป
และสามารถเอาตัวรอดจากโรคนี้ได้โดยไม่ยากนะครับเพราะมีกรณีของท่านที่เคยเจอปัญหาอาการจนรักษาหายแล้วมาเป็นแนวทางที่ชัดเจนดังที่นำมาถ่ายทอดไว้ในวันพุธนี้แล้ว...เพราะฉะนั้นก็ไม่ควรรอช้าหรือปล่อยให้
“ไทรอยด์” เล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวก็แล้วกันครับ