โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่ ใช้เทคโนโลยี ช่วยในการวินิจฉัย และรักษาโดยการส่องกล้อง www.lanna-hospital.com

31 มีนาคม 2564

โชคเข้าข้าง ผู้ป่วยผ่าตัดต่อมไทรอยด์แล้วจึงรู้ว่ามี “เซลล์มะเร็ง”!!! รพ.ลานนาใช้เทคโนโลยีผ่าตัดส่องกล้องแบบ “ไร้รอยแผลเป็น”...



ทีแรกเข้าใจผิดไม่คิดว่าเป็นโรคไทรอยด์!!

อนที่เริ่มรู้สึกมีอาการผิดปกติเมื่อ 3 ปีก่อน “คุณศศิวิมล วงศ์แสน” ชาวเชียงใหม่วัย 45 ปีเล่าให้ทีมงาน “อุ่นใจ...ใกล้หมอ” ได้ทราบว่าอาการที่เกิดขึ้นกับตัวเองมีทั้งเวียนหัว ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว อีกทั้งน้ำหนักก็ลดลงอย่างรวดเร็วจนเกิดความกังวลว่าจะเป็นโรคหัวใจ แต่หลังจากได้เข้ารับการตรวจโดยละเอียดแล้วคุณหมอแจ้งว่าอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจาก “โรคไทรอยด์” ซึ่งเจ้าตัวได้ลำดับความย้อนหลังให้ทราบเพิ่มเติมดังนี้

“...ได้รับการรักษาด้วยการทานยาต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 2 ปีเพื่อควบคุมอาการของโรคและได้ติดตามผลการรักษากับคุณหมอเป็นระยะ ๆ โดยในช่วงที่ทานยามีอาการดีขึ้น เมื่อดีขึ้นแล้ว ในระยะหลังคุณหมอให้หยุดยาไป 6 เดือนเพื่อดูอาการของโรคอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นอาการเหมือนเดิม อีก ทั้งผลจากการตรวจเลือดยังพบค่าไทรอยด์ที่สูงอยู่ คุณหมอจึงแนะนำให้ทำการรักษาโดยการผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ที่มีปัญหาออก ซึ่งดิฉันได้เลือกเข้ารับการผ่าตัดแบบส่องกล้องผ่านช่องปากแบบไร้แผลเป็น จึงใช้เวลานอนพักอยู่ในโรงพยาบาลลานนาเพียง 2 คืนก็กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านและปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะนำ จากนั้นก็สามารถไปทำงานได้ตามปกติ โดยเพื่อน ๆ และคนใกล้ชิดก็ทักเหมือนกันเลยว่าไปผ่าตัดตรงไหนทำไมไม่มีแผลเป็นให้เห็น...ทำให้ดิฉันกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ...คิดไม่ผิดเลยที่เลือกรักษาด้วยวิธีนี้ค่ะ ...”




ข้อดีของวิธีรักษาด้วยเทคโนฯ “ส่องกล้องผ่าตัด”...

ริง ๆ แล้วการรักษาต่อมไทรอยด์ขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้และสภาพร่างกายของคนป่วยแต่ละราย ซึ่งจากการให้ข้อมูลโดย “นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์...แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการส่องกล้อง” ประจำ “ศูนย์ศัลยกรรมส่องกล้อง โรงพยาบาลลานนา” ช่วยให้ทราบถึงการรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษมักเริ่มจากการทานยา หากรักษาในเบื้องต้นแล้วไม่ดีขึ้น ก็มักลงเอยด้วยการกลืนแร่ หรือการผ่าตัดเอาไทรอยด์ที่มีปัญหาออกไป เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นาน คอพอกจะโตขึ้น และบางครั้งอาจมีมะเร็งซ่อนอยู่ได้ โดยวิธีการผ่าตัดไทรอยด์นั้น “คุณหมอราชันย์พัทธ์” สรุปว่าแบ่งออกเป็น 2 วิธีหลัก ๆ โดยที่ “การผ่าตัดแบบเปิด” จะ เป็นการผ่าตัดมาตรฐานที่มีมานานแล้ว ซึ่งแพทย์จะผ่าตัดที่บริเวณคอในแนวขวาง แต่หลังผ่าตัดแล้วผู้ป่วยจะมีแผลเป็นตามแนวขวางที่คออย่างชัดเจนติดตัวไปตลอดชีวิต...ส่วนอีกวิธีคือ “เทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้อง ซึ่งโรงพยาบาลลานนา จะผ่าตัดผ่านช่องปากแบบไร้แผลเป็น” หรือ Transoral Endoscopic Thyroidectomy ซึ่งข้อดีคือ...ผู้ป่วยสามารถลืมเรื่องแผลเป็นภายนอกได้เลย... ทั้งนี้คุณหมออธิบายเสริมถึงความแตกต่างและข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้ว่า


ผ่าตัดแล้วจึงทราบทั้ง... “ข่าวร้ายและข่าวดี”

ที่น่าสนใจในกรณีการผ่าตัดให้กับผู้ป่วยรายนี้คือ หลังจาก “ก้อนไทรอยด์” ได้รับการผ่าตัดออกมาจากในลำคอของ “คุณศศิวิมล” แล้วได้ถูกนำส่งให้พยาธิแพทย์ทำการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์อย่างละเอียด เพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งอย่างไรหรือไม่ ซึ่งผลปรากฏว่ามีทั้ง “ข่าวร้าย” และ “ข่าวดี” โดยที่...ข่าวร้ายคือ ก้อนเจ้าปัญหาที่ตัดออกมานั้นเป็น “มะเร็งไทรอยด์”... ขณะที่...ข่าวดีคือ เป็นมะเร็งในระยะแรก แต่ก็ได้รับการกำจัดตัดออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!!! อีกทั้งโรคคอพอกเป็นพิษ ก็หายเป็นปกติ ...ซึ่ง “คุณหมอราชันย์พัทธ์” ได้ให้ข้อมูลว่า

“...เทคโนโลยีการผ่าตัดแบบส่องกล้องผ่านช่องปากของผู้ป่วยด้วยการเปิดรูเล็กประมาณ 1-2 ซ.ม.เพื่อสอดอุปกรณ์กล้องขนาดจิ๋วและเครื่องมือผ่าตัดพิเศษด้วยการเลาะไปใต้ผิวหนังลงไปตัดต่อมไทรอยด์ที่มีปัญหาออก ซึ่งการเปิดแผลภายในช่องปากจะช่วยให้การสมานแผลดีกว่าแบบเปิดแผลภายนอก...ช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อได้มาก...เสียเลือดน้อยกว่า...ขณะที่ผู้ป่วยจะไม่มีแผลเป็นภายนอกเลย...จึงถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของการรักษาที่แตกต่างจากการผ่าตัดแบบเปิดเช่นในอดีตครับ...”


“...มะเร็งต่อมไทรอยด์นั้น หากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์จะส่งผลโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ยิ่งหากผู้ป่วยได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานและโดยศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้วยแล้ว อัตราเกิดซ้ำก็จะอยู่ในเกณฑ์ต่ำอีกทั้งหลังการรักษาผู้ป่วยสามารถกลับไปมีคุณภาพชีวิตได้เหมือนปกติครับ...”

นอกจากนั้นคุณหมอยังได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “มะเร็งไทรอยด์” โดยสรุปว่าอาจมีอาการคล้ายกับโรคไทรอยด์ทั่วไป ซึ่งในระยะแรกมักไม่มีอาการปรากฎออกมามากนัก ผู้ป่วยอาจคลำแล้วเจอก้อนที่คอเพียงเล็กน้อยจึงจำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยเพื่อจะได้รักษาให้ทันท่วงทีก่อนที่มะเร็งจะลุกลามไปยังบริเวณอื่น ซึ่งทางด้านการรักษาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ดังที่ได้กล่าวไว้ในเบื้องต้นแล้ว แต่หากรักษายังเอาไม่อยู่ทั้งยังแย่กว่าเดิมก็จำเป็นต้องถึงขั้น “ผ่าตัด” ซึ่งที่ “ศูนย์ศัลยกรรมส่องกล้อง โรงพยาบาลลานนา” ได้สั่งนำเข้าวิทยาการทางการแพทย์การผ่าตัดไทรอยด์สมัยใหม่ เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้การผ่าตัดไทรอยด์แบบส่องกล้องไร้แผลเป็นมาตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งถือเป็นการยกระดับของการรักษาโรคไทรอยด์ในปัจจุบัน...จึงเป็น “ข่าวดี” สำหรับชาวเชียงใหม่และชาวจังหวัดใกล้เคียงที่เจอปัญหาจากโรคนี้จะได้ที่ “ทางเลือก” ในการรักษาได้ตามอัธยาศัย 




12 มีนาคม 2564

ปกส. จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ รพ.ลานนา ตรวจสุขภาพ จนท.สนามกีฬา 700 ปี

 


    เจ้าหน้าที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตรวจสุขภาพ โครงการประกันสังคม เชียงใหม่ ร่วมกับ รพ.ลานนา

    วันที่ 12 มีนาคม 2564 ณ ห้องประชุม อาคารหอพักสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี
ประกันสังคม เชียงใหม่ จัดโครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเชิงรุกในสถานประกอบการ ประจำปี 2564 "Healthy Thailand ผู้ประกันตน สุขภาพดี ตามฐานวิถีชีวิตใหม่” ซึ่งในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทาง #โรงพยาบาลลานนา จ.เชียงใหม่ นำโดยนางสาวจันทนา จารุเศรณี หัวหน้าแผนกลูกค้าสัมพันธ์ ที่ได้นำทีมพยาบาลวิชาชีพ ออกหน่วยตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ ตามสิทธิ์ที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด และให้ความรู้เรื่องโรคเรื้อรัง แก่ผู้ประกันตน
    นอกจากนี้ นางสาวขวัญใจ พัฒนาเศรษฐ์ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ จากสำนักงานประกันสังคม เชียงใหม่ ได้นำทีมงานจากสำนักงานประกันสังคมฯ โดยมีนางมยุเรศ คนหมั่น เจ้าพนักงานแรงงานชำนาญการ เป็นวิทยากรมาให้ความรู้ด้านประกันสังคม สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของผู้ประกันตน ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การใช้สิทธิการตรวจสุขภาพ การใช้สิทธิด้านทันตกรรม 900 บาทต่อคนต่อปี การประชาสัมพันธ์มาตรา 39 , 40 ให้ผู้ประกันตนแนะนำคนในครอบครัวสมัคร เพื่อได้รับสิทธิคุ้มครองจากทางสำนักงานประกันสังคม

    รวมถึงขอเชิญชวนผู้ประกันตนทุกท่าน ให้มาใช้สิทธิ์ของท่าน โดยสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพ ตามโปรแกรม ของสำนักงานประกันสังคม และทำฟันตามสิทธิ์ปีละ 900 บาท ต่อคน ต่อปี ได้ในสถานพยาบาลในโครงการประกันสังคม ได้ทุกแห่งในประเทศไทย

    พร้อมกันนี้โรงพยาบาลลานนา ยังมอบป้ายรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นำติดภายในสำนักงาน ในห้องน้ำทุกจุดบริการ ในสำนักงานสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เพื่อรณรงค์ให้ความรู้ และขอความร่วมมือบุคลากร และผู้มาใช้บริการในสนามกีฬา ให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่่งกิจกรรมรณรงค์ป้องกันโรคโควิด-19 นี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรม CSR ประจำปี 2564 ของโรงพยาบาลลานนาเพื่อสังคม

///พว.จิราลักษณ์ จันทร์กระจาย หน.แผนกสื่อสารการตลาด โรงพยาบาลลานนา





รับมอบ เครื่องฟอกอากาศ บริษัท เชียงใหม่ เทเลช็อป จํากัด


     เนื่องจากสภาพอากาศฝุ่นควัน PM 2.5 ที่ปกคลุมจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงนี้ บริษัท เชียงใหม่ เทเลช็อป จํากัด มอบ เครื่องฟอกอากาศให้กับ แผนกห้องคลอดทารกแรกเกิด โดยมี นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลลานนา รับมอบเพื่อนำไปใช้ปรับอากาศในแผนกห้องคลอดทารกแรกเกิด ทั้งนี้โรงพยาบาลลานนา ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564






รพ.ลานนา เยี่ยมชมความคืบหน้า รพ.หริภุญชัย ราม จ.ลำพูน

 


    เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2564 ณ รพ.หริภุญชัย ราม จ.ลำพูน ... นพ.วัชระ สนธิชัย ผู้อำนวยการ
โรงพยาบาลหริภุญชัยราม จ.ลำพูน พร้อมเจ้าหน้าที่ รพ.ฯ และวิศวะกรควบคุมงาน

     ร่วมให้การต้อนรับ ทีมหัวหน้าแผนกต่างๆ จาก โรงพยาบาลลานนา จ.เชียงใหม่ เนื่องในโอกาสที่ได้มาเยี่ยมชมความคืบหน้าของการก่อสร้าง รพ.หริภุญชัยราม จ.ลำพูน
ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลเอกชน ขนาด 180 เตียง สูง 8 ชั้น เป็นอาคารใหญ่พิเศษ สูงที่สุดในจังหวัดลำพูน ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการแก่ชาวจังหวัดลำพูน และภาคเหนือในเร็วๆ นี้

    ทั้งนี้ รพ.ลานนา จ.เชียงใหม่ และ รพ.หริภุญชัย ราม จ.ลำพูน ถือเป็นโรงพยาบาลในเครือ รพ.รามคำแหง ในภาคเหนือ ที่กำลังมีการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ และได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ความรู้ และแนวทางของการให้บริการอยู่ตลอดเวลา เพื่อเสริมศักยภาพ และใช้ในการรองรับผู้ใช้บริการที่เพิ่มมากขึ้นต่อไป











โรงพยาบาลลานนา เตรียมพร้อมให้บริการวัคซีนโควิด19 ประเดิมชุดแรก 5 คน แพทย์และเจ้าหน้าที่ห้องแลป

 


        ตามที่ จังหวัดเชียงใหม่ เป็น 1 ใน 13 จังหวัด ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นกลุ่มแรก ในการจัดสรรให้ได้รับการฉีด วัคซีนป้องกันโควิด19 เพราะถือเป็นจังหวัดที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เพื่อสร้างความมั่นใจ และความมั่นคงต่อการกระตุ้นการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ด้วยวัคซีนที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาสูง ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ วางแผนการบริหารจัดการ วัคซีนป้องกันโควิด19 จังหวัดเชียงใหม่ โดยรอบแรก คือ เดือนมีนาคม เป็นวัคซีน COVID 19 ของบริษัท Sinovac จำนวน 3,500 โด๊ส ฉีดกลุ่มเสี่ยงจำนวน 1,750 คน โดยจะเริ่มฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย อายุ 18-59 ปี จำนวน 1,750 คน ได้แก่ บุคลากรสาธารณสุขด่านหน้า เจ้าหน้าที่ที่ดูแลหรือต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ทั้งรัฐและเอกชน จำนวน 1,450 คน และเจ้าหน้าที่อื่นๆของหน่วยงานที่มีโอกาสเสี่ยงสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ จำนวน 300 คน นั้น


    โรงพยาบาลลานนา เป็น 1 โรงพยาบาลเอกชน ที่ได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในล๊อตแรกนี้ด้วย จำนวน 10 โด๊ส หรือ 5 คน ซึ่งนับเป็นเรื่องน่ายินดี ที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลลานนา จะได้เข้าถึง #วัคซีนป้องกันโควิด19

    นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลลานนา นำทีมผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่พยาบาลมาร่วม ให้กำลังใจแพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลลานนา ที่ได้รับคัดเลือกให้ฉีด วัคซีนโควิด19 ใน รอบแรก โดยเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “ วัคซีนโควิด-19 เป็นสิ่งดี ที่เป็นความหวังในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังพบอยู่เรื่อยๆในขณะนี้ และถือว่าเป็นเรื่องดีที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับจัดสรรให้วัคซีนเป็นจังหวัดต้นๆ ของประเทศ เพื่อฉีดให้กับชาวเชียงใหม่ทุกคน โดยรอบแรกนี้เริ่มฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเสี่ยง เป็นลำดับแรก

    การฉีดวัคซีนในกลุ่มแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลลานนาครั้งนี้ ถือเป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงาน และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มารับบริการ และยืนยันถึงความปลอดภัยของ วัคซีนโควิด19 พร้อมกันนี้ยังเผยถึง แนวทางในเรื่องของ “การเตรียมพร้อมการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19” สำหรับประชาชนชาวเชียงใหม่ ที่เข้ามาฉีดในโรงพยาบาลลานนา โดยจัดระบบเป็น 8 ขั้นตอน ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการตรวจคัดกรอง วัดไข้ ล้างมือ ก่อนเข้าสู่กระบวนการ ดังนี้
    1) ลงทะเบียน (ทำบัตร)
    2) ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต
    3) คัดกรอง/ซักประวัติ, ประเมินความเสี่ยง, ลงนามในใบยินยอมการรับวัคซีน
    4) รอฉีดวัคซีน
    5) ฉีดวัดซีน
    6) พักสังเกตอาการ 30 นาที และสแกน Line official account “หมอพร้อม”
    7) จุดตรวจสอบก่อนกลับ พร้อมรับเอกสารการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน
    8) Dash Board ประเมินผล ความครอบคลุมการฉีดวัคซีน และอาการไม่พึงประสงค์

    พร้อมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ช่วยชีวิต หากมีปัญหาเกิดขึ้นก็จะได้ช่วยเหลือได้ทันที และทุกรายต้องสแกน Line official account #หมอพร้อม เพื่อใช้ติดตามอาการหลังการฉีดวัคซีน 1 วัน 7 วัน 30 วัน แจ้งเตือนรับวัคซีนเข็มที่ 2

    นพ.ดุสิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลลานนา กล่าวอีกว่า ขณะนี้โรงพยาบาลลานนา ได้มีการเตรียมความพร้อมในเฟสที่ 2 หากได้รับการจัดสรรวัคซีนเพิ่ม มีการรณรงค์ในเรื่องของการฉีด #วัคซีนโควิด19 ให้กับแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ให้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกคน 100% โดยจะฉีดให้กับเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล ให้มากที่สุดตามที่ได้รับจัดสรรโควต้าจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ในเดือนเมษายนนี้ รวมทั้งมีการวางแผน จัดเตรียมสถานที่ บุคลากร เพื่อรองรับการฉีด #วัคซีนโควิด19 ให้กับผู้ประกันตนของ รพ.ลานนา ที่มีอยู่ตอนนี้ถึง 150,000 คน ให้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามการจัดสรรของภาครัฐต่อไป

    จึงอยากให้ประชาชนมีความมั่นใจในตัววัคซีน และมารับการฉีด #วัคซีนป้องกันโควิด19 นี้ ทุกคน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของจังหวัด และประเทศไทยต่อไป

    สำหรับประชาชนผู้สนใจฉีด #วัคซีนโควิด19 แบบมีค่าใช้จ่ายสามารถเข้าไปตอบแบบสำรวจได้ที่ www.lanna-hospital.com








8 มีนาคม 2564

สัปดาห์สรุปผลงานแผนก รพ.ลานนา ปี 2564

 

สัปดาห์สรุปผลงานแผนก โรงพยาบาลลานนา ปี 2564

เมื่อวันที่ 4 – 5 มีนาคม 2564 ณ ห้องประชุมอาคาร C โรงพยาบาลลานนา … นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ , นพ.ธีระยุทธ นิยมกูล รองผู้อำนวยการ และ ทนพ.ศิระ ฮั่นตระกูล กรรมการบริหาร โรงพยาบาลลานนา เป็นประธานในงานสัปดาห์สรุปผลงานประจำปี 2563 ของโรงพยาบาลลานนา ซึ่งกิจกรรมคุณภาพเพื่อการพัฒนางานนี้ จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการสรุปงานของแต่ละแผนกในปีผ่านมา พร้อมทั้งยังเป็นการปรึกษา หารือ แนวทางพัฒนาการให้บริการภาพรวมของโรงพยาบาลลานนา พร้อมปรับปรุงการให้บริการด้านต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป โดยมีหัวหน้าแผนกและผู้ช่วยหัวหน้าแผนกทุกแผนก ของโรงพยาบาลลานนา เข้าร่วมประชุม และนำเสนอผลงานของแผนกตนเอง อย่างพร้อมเพรียงกัน 

และในครั้งนี้ยังถือเป็นโอกาสอันดี ที่ผู้บริหารจะได้แจ้งทิศทางองค์กร ในปี 2564 ให้หัวหน้าแต่ละแผนกทุกแผนกได้รับทราบและนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อม  โรงพยาบาลลานนา 3 ที่กำลังก่อสร้าง ซึ่งจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ และแนวทางของการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกันตน รพ.ลานนา ทุกคน ได้ใช้สิทธิ์ที่ตนเองมี เช่น การได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี , การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ประกันตนที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป และสิทธิ์การตรวจสุขภาพฟัน และขูดหินปูน โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ปีละ 900 บาท รวมทั้งในเรื่องของการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่กำลังจะมาให้บริการชาวเชียงใหม่ เร็วๆ นี้


สำนักงานประกันสังคมเชียงใหม่ ร่วมกับ รพ.ลานนา ตรวจสุขภาพ Goodview village

 


ประกันสังคม เชียงใหม่ ร่วมกับ รพ.ลานนา ออกหน่วยตรวจสุขภาพ ร้านอาหาร The Good View Village

โครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเชิงรุกในสถานประกอบการ ประจำปี 2564 "Healthy Thailand ผู้ประกันตน สุขภาพดี ตามฐานวิถีชีวิตใหม่” ในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทาง โรงพยาบาลลานนา จ.เชียงใหม่ ที่ได้นำทีมพยาบาลวิชาชีพ ออกหน่วยตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ แก่ผู้ประกันตนตามสิทธิ์ที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด นำโดย นางจินดา พิชญ์ชานน ประกันสังคมจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำทีมงานจากสำนักงานประกันสังคม มาให้ความรู้ด้านประกันสังคม สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของผู้ประกันตน ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การใช้สิทธิการตรวจสุขภาพ การใช้สิทธิด้านทันตกรรม 900 บาทต่อคนต่อปี การประชาสัมพันธ์ มาตรา 33, 39 , 40 อีกทั้งยังให้ความรู้เกี่ยวกับเงื่อนไข การลงทะเบียน ตรวจสอบสิทธิ ทบทวนสิทธิ และรับสิทธิเงินเยียวยา 4,000 บาท ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ในโครงการ "เรารักกัน" ผ่านแอพพลิเคชั่นถุงเงิน ให้ผู้ประกันตนแนะนำคนในครอบครัวสมัคร เพื่อได้รับสิทธิ จากทางสำนักงานประกันสังคม รวมถึงขอเชิญชวนผู้ประกันตนทุกท่าน ให้มาใช้สิทธิ์ของท่าน โดยสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพ ตามโปรแกรม ของสำนักงานประกันสังคม และทำฟันตามสิทธิ์ปีละ 900 บาท ต่อคน ต่อปี ได้ในสถานพยาบาลในโครงการประกันสังคม ได้ทุกแห่งในประเทศไทย


3 มีนาคม 2564

หลายโรครวมทั้ง “รูมาตอยด์” ทำข้อเข่าเสื่อม-เท้าผิดรูป-เดินไม่ได้!! รพ.ลานนาจัด 2 แพทย์ชำนาญการฯ ร่วมรักษาให้กลับมาเดินได้ใหม่

 


หลายโรครวมทั้ง “รูมาตอยด์” ทำข้อเข่าเสื่อม-เท้าผิดรูป-เดินไม่ได้!!

รพ.ลานนาจัด 2 แพทย์ชำนาญการฯ ร่วมรักษาให้กลับมาเดินได้ใหม่


อากาศหนาวเย็นจะยิ่งเพิ่มความปวดทรมาน!!

ดูหนาวที่ค่อนข้างจะยาวนานกว่าปีก่อน ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่อาจสร้างความสดชื่นรื่นรมย์ให้กับชาวเวียงพิงค์ไม่น้อยทีเดียว แต่สำหรับผู้ป่วยหญิงวัย 61 ปีที่มีนามว่า “คุณบัวแก้ว มากเปี่ยม” ซึ่งเจอหลายโรครุมเร้าจนต้องเข้า ๆ ออก ๆ ที่ “โรงพยาบาลลานนา” เพื่อไปรับการรักษาโรคประจำตัวที่มีทั้ง...ความดันโลหิตสูง...กล้ามเนื้ออ่อนแรง...โรคภูมิแพ้ตัวเองหรือ SLE...รวมทั้ง “โรครูมาตอยด์” จนต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานเรื่อยมาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี โดยได้เผยกับทีมงาน “อุ่นใจ...ใกล้หมอ” ว่า

“...อาการที่เจอมาแล้วก็คือปวดตามข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า และข้อเข่าซึ่งจะปวดมากในช่วงที่อากาศหนาวเย็น...ต่อมาก็ได้เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติของกระดูกตัวเองเริ่มตั้งแต่ข้อเข่าเริ่มเสื่อมถอยจนเห็นชัดว่าเข่าเริ่มโก่งผิดรูป...ข้อเท้าก็เริ่มเอียงผิดปกติจนดิฉันก้าวเดินลงน้ำหนักเท้าไม่ได้...อีกทั้งข้อมือ ข้อนิ้วเท้าก็เอียงผิดรูปตามมาทำให้อาการหนักจนเดินแทบไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็นในการดำรงชีวิตประจำวัน...บอกได้ว่าชีวิตตอนนั้นหมดความสุข ท้อแท้ ด้วยความที่กังวลว่าจะต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต...”



ได้ทราบคำบอกเล่าจากปากของผู้ป่วยรายนี้แล้ว “หมอจอแก้ว” เชื่อว่าท่านผู้อ่านจะเกิดความรู้สึกเห็นใจและสงสาร “คุณบัวแก้ว” ไม่น้อยทีเดียว...เพราะฉะนั้นจึงต้องขอพาไปติดตามกันต่อไปว่า “โรงพยาบาลลานนา” ได้ดูแลรักษากรณีของผู้ป่วยหญิงท่านนี้อย่างไรและมีผลคืบหน้าประการใด...

ความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางถือเป็น... “เรื่องจำเป็น”!!

ลังจากที่ “นพ.ปรัชวาล เอี่ยมพร...แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ เชี่ยวชาญพิเศษด้านข้อเท้า” ประจำ “ศูนย์โรคปวดเข่า...โรงพยาบาลลานนา” ได้ตรวจวินิจฉัยและทราบแน่ชัดถึงอาการป่วยของ “คุณบัวแก้ว” ว่ามีโรคประจำตัวหลายโรครวมทั้งโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ร่วมกับโรคพุ่มพวง ซึ่งเป็น 2 กลุ่มโรคที่จะส่งผลให้ข้อทั่วร่างกายเกิดการอักเสบได้ทั้งข้อเล็ก-ข้อใหญ่ ซึ่งหากปล่อยไว้นานเกินไปแล้วข้อเหล่านี้จะถูกทำลายจนผุกร่อนและเสียสมดุลของกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อที่ว่านี้ได้...อีกทั้งโรคที่ผู้ป่วยเผชิญอยู่ทั้งหมด จำเป็นจะต้องได้รับยามากินประจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากกินยาต่อเนื่องเป็นเวลานานเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อกระดูกได้ในที่สุด...และจากผลการตรวจร่างกายยังพบด้วยว่าผู้ป่วยมีภาวะความเสื่อมของกระดูกหัวเข่าทั้งสองข้าง ที่ทำให้กระดูกข้อเท้าผิดรูปจนไม่สามารถเดินเองได้และต้องนั่งรถเข็นมาเป็นปีแล้ว


นอกจากนี้ผู้ป่วยยังได้รับการตรวจประเมินอาการอื่น ๆ จาก “แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ ศูนย์โรคปวดเข่า” ประจำ “โรงพยาบาลลานนา” อีกท่านหนึ่ง คือ “นพ.ภาสกร อุปโยคิน” ซึ่งระบุถึงภาวะอาการที่มีตั้งแต่ข้อมือ-ข้อเท้า และข้อเข่าได้เสื่อมสภาพจนทำให้ข้อเข่าผิดรูปทั้ง 2 ข้าง จึงได้แนะแนวทางการรักษาโดยเริ่มจากทำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าด้านขวามาใช้ข้อเข่าเทียมเป็นอันดับแรก ซึ่ง “คุณหมอภาสกร” ได้อธิบายว่า 

“...การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมจะต้องผ่าตัดเอาผิวข้อที่เสื่อมสภาพออกให้หมดก่อนใส่ผิวข้อใหม่ที่ทำจากวัสดุพิเศษทางการแพทย์ที่มีความแข็งแรงทนทาน โดยไม่เพียงแค่นำกระดูกที่เสื่อมออกเพียงอย่างเดียวหากแต่ยังต้องปรับความตึงหรือหย่อนของเนื้อเยื่อรอบข้อเข่าเพื่อให้ขากลับเข้ารูปปกติโดยไม่โก่งผิดรูป  ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญมากเพราะตำแหน่งของข้อเข่าที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ดี ความชำนาญของแพทย์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้เกิดผลดีต่อการรักษาครับ...”


2 คุณหมอร่วมรักษาผู้ป่วยด้วย “การผ่าตัด”

 


ต่ด้วยเหตุที่ข้อเข่าของ “คุณบัวแก้ว” ได้เสื่อมสภาพมาเป็นเวลานาน จึงส่งผลให้ข้อเท้าข้างขวาเกิดการผิดรูป ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้ป่วยเดินได้ไม่สะดวกแล้ว ลักษณะการเดินยังเป็นแบบตะแคงจึงเกิดความเจ็บปวดเวลาเดิน จึงจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดข้อเท้า เพื่อปรับรูปทรงให้สามารถเดินได้เหมือนปกติ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการผ่าตัดปรับรูปทรงข้อเท้าจำเป็นต้องอาศัยความพร้อมในด้านต่างๆ รวมถึงความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางด้านข้อเท้าเท่านั้น เนื่องจากลักษณะของข้อเท้าและเท้ามีความซับซ้อน จึงต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเช่นเดียวกับกรณีการผ่าตัดเปลี่ยนใส่ข้อเข่าเทียมนั่นเอง ซึ่ง “คุณหมอปรัชวาล”  เป็นแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดแก้ไขข้อเท้าให้ผู้ป่วย ต่อเนื่องจากที่ได้เข้ารับการผ่าตัดข้อเข่าเมื่อปีที่แล้ว...จากนั้นอีกไม่ถึง 1 ปี “คุณหมอภาสกร” จึงได้นัดผู้ป่วยให้มาเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมด้านซ้ายอีกข้าง เพื่อให้หัวเข่ารองรับน้ำหนักตัวได้อย่างมั่นคง และสามารถกลับมาเดินได้ด้วยตัวเองต่อไป ซึ่งหลังจากการผ่าตัดได้ประมาณ 4 เดือนก็ปรากฏว่า “คุณบัวแก้ว” สามารถกลับมาเดินเองได้โดยไม่ต้องใช้รถเข็นอีกแล้ว และได้เผยความรู้สึกหลังการรักษาว่า

“...ตอนนี้ดิฉันสามารถเดินได้เองแล้ว ไม่ต้องใช้รถเข็นเหมือนในอดีต โชคดีมากที่ปัจจุบันนี้ มีคุณหมอที่มีความสามารถรักษาแก้ไขอาการได้แม้ตอนแรกดูเหมือนว่าจะยากหรือเป็นไม่ได้ ทำให้ดิฉันเหมือนได้ชีวิตใหม่โดยไม่ต้องเป็นภาระของลูกหลานหรือสามีที่ต้องดูแลเราตลอด ต้องขอขอบคุณคุณหมอทั้งสองท่านมาก ๆ ที่ช่วยรักษาดิฉันให้กลับมาเดินได้อีกครั้งหนึ่งค่ะ”

ไม่เฉพาะตัวผู้ป่วยเท่านั้นทีจะดีอกดีใจที่ได้เห็น “คุณบัวแก้ว” กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุขโดยสามารถเดินเหินด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่ง “รถเข็น” เหมือนหลายปีที่ผ่านมา... “หมอจอแก้ว” ต้องขอแสดงความยินดีกับสมาชิกในครอบครัวนี้ด้วยครับ...อีกทั้งยังขอแนะนำมายังผู้ป่วยอีกหลายรายที่มีลักษณะภาวะอาการป่วยคล้ายคลึงกันนี้ให้รีบไปพึ่งพาปรึกษาหมอโดยไม่ยอมทนทรมานอีกต่อไป เพราะยิ่งวัยมากขึ้นแล้วกระดูกก็ยิ่งจะ “เสื่อมสภาพเพิ่ม” ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...แต่สิ่งที่จะ “ลด” นั้น มีอย่างเดียวคือ... “โอกาสในการรักษาให้หายเป็นปกติ” นั่นเองครับ