ต้นตออยู่ที่ “วัย” และ “การใช้งาน”...
ทานยาก็แล้ว...ฉีดยารักษา
หรือนวดประคบก็ทำมาแล้ว แต่ไม่ได้ช่วยให้อาการปวดเข่าที่เกิดขึ้นกับ “คุณขันแก้ว
วงษามูล” วัย 60 ปี ซึ่งรับหน้าที่แม่บ้านให้ครอบครัวใน จ.เชียงใหม่
ได้ทุเลาเบาบางลงกว่าเดิมแต่อย่างใด ซ้ำร้ายยังเพิ่มความปวดหนักขึ้นอีกต่างหาก
โดยเจ้าตัวเผยว่า
“...ปวดเข่ามาได้ประมาณ
4-5 ปี เริ่มเจ็บที่เข่าด้านซ้ายก่อน เวลางอเข่าหรือหลังจากเดินนาน ๆ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเกิดจากสาเหตุใด
ไม่แน่ใจว่าจะเป็นจากที่เคยเกิดอุบัติเหตุหกล้มมาก่อนด้วยหรือไม่ แต่สงสัยว่าน่าจะมาจากการใช้งานข้อเข่ามาหลายปีทั้งในตอนที่ทำงาน
ซึ่งต้องมีทั้งยืนและเดินนาน ๆ ทั้งวัน บางวันก็ได้ยกของหนัก ๆ ตักน้ำ แบกน้ำมาโดยตลอด
รวมทั้งโรคประจำตัวของดิฉันทั้งเบาหวาน และความดัน
ซึ่งอาจเป็นเหตุที่เป็นตัวบั่นทอนสุขภาพหัวเข่าของเราก็เป็นได้...”
ผลสุดท้ายหลังจากที่หมดความอดทนกับความปวดที่มาคอยรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่มีทีท่าว่าจะลดราแต่อย่างใด
ทำให้ “คุณขันแก้ว” ตัดสินใจไปที่ “ศูนย์โรคปวดเข่า
โรงพยาบาลลานนา”
จึงได้รับคำอธิบายถึงปัญหาอาการที่เผชิญอยู่นั้นมีสาเหตุหลักมาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ร่างกายก็ย่อมมีความเสื่อมโทรมและถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนั้นยังได้รวมถึงกรณีที่อวัยวะต่าง ๆ
ถูกใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยที่บางครั้งก็ถูกใช้งานแบบผิดวิธีและขาดการดูแลเอาใจใส่
นำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยจาก “โรคข้อเข่าเสื่อม”...
เกิดอาการแล้วปล่อยไว้นานอาจรักษายากขึ้น!!
มีผู้ป่วยไม่น้อยที่คุณภาพชีวิตถดถอยลงจากเดิมหลังจากเกิดปัญหา
“โรคข้อเข่าเสื่อม” ซึ่งมักเกิดในผู้ป่วยอายุมากกว่า 50 ปีอันเนื่องมาจากการเสื่อมของผิวกระดูกอ่อนและหมอนรองกระดูก
ทำให้กระดูกที่แข็งและไม่เรียบเกิดการเสียดสีกันและเกิดเสียงเวลาขยับเข่า
มีอาการปวด และติดขัดเวลางอเข่าซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก
โดยการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมมีหลากหลายวิธีขึ้นอยู่กับระยะที่เกิดปัญหาและความรุนแรงของโรค
จึงส่งผลให้ “ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา” เห็นสมควรนำ “เทคโนโลยีผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า”
หรือ Total Knee Replacement มาใช้รักษาผู้ป่วย
โดยถือเป็นอีกทางเลือกในการรักษาที่ทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้นโดยไม่ต้องฝืนทนทรมานจากอาการปวดเข่าและไม่อาจใช้งานได้ตามปกติอีกต่างหาก
ทั้งนี้ “นพ.ภาสกร อุปโยคิน” ในฐานะ “แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ”
ประจำ “ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา” อธิบายถึงกรณีนี้ว่า
“...คุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุหลายๆ คน
เริ่มต้นได้จากการมีสุขภาพดี ไปไหนมาไหนเองได้ หรือดูแลตัวเองได้ก็เพียงพอแล้ว
ซึ่งเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตง่าย ๆ จึงเป็นเรื่องใหญ่เเละสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขาอย่างมาก
ถ้าในผู้ป่วยรายใดที่เป็นข้อเข่าเสื่อมมาก ๆ
และเริ่มมีอาการปวดเข่าทุกครั้งที่ลงน้ำหนักเดิน รวมทั้งเคยรักษาด้วยการทานยา
หรือการรักษาด้วยวิธีทางเลือกอื่น ๆ มาก่อนแต่อาการไม่ดีขึ้นก็จะแนะนำให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยการเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
เพื่อที่จะช่วยให้พวกเขากลับมาเดินได้คล่องเหมือนเดิมโดยไม่ควรรอจนกระทั่งเข่าทรุด
หรือโก่งมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้การรักษาในอนาคตยากขึ้นไปอีก...”
ปลดปล่อย “ปวดเข่า” ด้วยเทคโนฯ การแพทย์...
เหตุผลที่เป็นอุปสรรคทำให้ผู้ป่วยด้วยภาวะอาการปวดเข่าไม่ยอมเข้ารับการผ่าตัดรักษาอย่างหนึ่งก็เพราะกลัวว่า...ผ่าตัดแล้วจะเดินไม่ได้...กับอีกอย่างคือ...กลัวว่าจะต้องนอนโรงพยาบาลนาน
ๆ...แต่ที่จริงแล้วด้วยความรู้และความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันทำให้ผลการรักษาผ่าตัดได้ผลดีเยี่ยม
ผู้ป่วยสามารถลุกเดินได้ภายใน 24
ชั่วโมง
หลังผ่าตัดผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดน้อยมากและสามารถเดินได้โดยไม่ใช้ไม้เท้าภายใน 1
เดือน โดย “คุณหมอภาสกร”
ให้ข้อมูลเสริมว่า
“...ด้วยเทคโนโลยีความรู้
และทักษะของแพทย์ในปัจจุบันที่ ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา ได้ช่วยให้การรักษาผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดเอาผิวข้อที่เสื่อมสภาพออกให้หมด
แล้วใส่ผิวข้อใหม่ซึ่งทำมาจากวัสดุพิเศษทางการแพทย์ที่มีความแข็งแรงทนทาน ซึ่งไม่เพียงแค่การนำกระดูกที่เสื่อมออกเท่านั้น
แต่แพทย์จะต้องปรับความตึงหรือหย่อนของเนื้อเยื่อรอบข้อเข่า
เพื่อให้ขามีรูปร่างปกติ ไม่โก่งผิดรูป ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก
เพราะตำแหน่งของข้อเข่าที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ดี
จึงต้องใช้ความชำนาญของแพทย์เป็นอย่างมากครับ...”
สำหรับ
“คุณขันแก้ว” ซึ่งได้ผ่านการผ่าตัดรักษาเป็นที่เรียบร้อยจนใช้งานเข่าได้อย่างสะดวกแล้ว
ได้เผยให้ทีมงาน “อุ่นใจ...ใกล้หมอ” ทราบว่า
“...หลังจากผ่าตัด
คุณหมอได้ให้ดิฉันพยายามลงเดินเพื่อดูผล แต่ตอนแรก ๆ ยังไม่ค่อยชินกับข้อเข่าใหม่
และเห็นว่ายังต้องฝึกเดิน กายภาพ หรือบริหารข้อเข่าก่อน
แต่ก็สามารถลงเดินได้เลยภายใน 24 ชั่วโมงหลังผ่าตัด ส่วนการปวดหัวเข่าที่เคยเป็นก็หายไป
จึงได้พยายามทำตามที่คุณหมอแนะนำหลังการผ่าตัดและหลังจากนั้น 1
เดือนดิฉันก็สามารถเดินได้เองโดยไม่ต้องใช้ไม้ค้ำยัน...ดิฉันพึงพอใจในการรักษามาก
เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้ อาการเข่าเสื่อมอาจเรื้อรัง และรักษายากยิ่งขึ้น
ตอนนี้ข้อเข่าของดิฉันก็ดีขึ้น
และสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติกับลูกหลานในวัยเกษียณอย่างมีความสุขอีกครั้งค่ะ...”
นี่ก็เป็นอีกกรณีตัวอย่างในแง่ที่ผู้ป่วยได้รับประโยชน์ไปเต็ม
ๆ จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์ที่ “ศูนย์โรคปวดเข่า
โรงพยาบาลลานนา” นำมาให้บริการแก่พี่น้องที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่
และจังหวัดใกล้เคียงที่ต้องฝืนทนความปวดจากภาวะเข่าเสื่อมดังที่ “หมอจอแก้ว”
นำมาเสนอในวันนี้
