อยู่ดี ๆ ก็มีก้อนเนื้อบวมโตขึ้นผิดสังเกตที่คอ
ราว ๆ ปลายปีที่แล้วได้เกิดความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณสุภาพสตรีชาวเชียงใหม่ โดยเจ้าตัวได้พบว่ามีก้อนเนื้อผิดปกติมีลักษณะบวมๆ อยู่ที่ลำคอโดยไม่รู้สึกเจ็บ ทั้งยังเกิดอาการเหนื่อยง่ายมีเหงื่อออกมาก อารมณ์ก็ค่อนข้างแปรปรวน วิตกกังวล หงุดหงิดง่าย ไม่มีสมาธิ โดยยังมีอีกหลายอาการที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกันจนเกิดความไม่สบายใจจนต้องไปหาคุณหมอเพื่อตรวจให้รู้แท้แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งหลังจากที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจแล้วพบว่าผุ้ป่วยซึ่งมีนามว่า “คุณสุพิศ” เจอ “โรคไทรอยด์” เล่นงานจึงให้คุณหมอรักษาด้วยการเจาะน้ำที่คอออกพร้อมกับรับยามาทานเพื่อควบคุมอาการของโรคด้วย แต่ที่ผู้ป่วยรายนี้ไม่เข้าใจคือ...หลังจากการรักษาไม่กี่เดือนเจ้าก้อนเนื้อที่ว่านี้ได้เกิดอาการบวมขึ้นมาอีกจนต้องกลับไปปรึกษาคุณหมอเพื่อหาทางรักษาให้หายขาด ซึ่งในครั้งนี้คุณหมอได้อธิบายให้ทราบว่ามีทางเลือกในการรักษา 2 วิธี โดยวิธีหนึ่งคือ “เจาะและดูดน้ำที่คอออก ร่วมกับการทานยา” หรืออีกวิธีคือรักษาโดย “การผ่าตัด” เพื่อให้หายขาด แต่ด้วยเหตุที่ผู้ป่วยรายนี้มีความกังวลเรื่องการผ่าตัด เพราะเท่าที่ทราบคือใครที่เคยเข้ารับการผ่าตัดเมื่อก่อนจะต้องมีรอยแผลเป็นทางยาวที่คอหลังการผ่าตัด รวมทั้งการเปล่งเสียงที่จำเป็นต้องใช้ในขณะทำงาน ซึ่งล้วนส่งผลให้ผู้ป่วยรายนี้เกิดความไม่มั่นใจและยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกรักษาแบบใด แต่เมื่อเวลาผ่านไปก้อนเนื้อบริเวณเดิมเริ่มบวมขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ และจำได้ว่าคุณหมอบอกไว้ด้วยว่าหากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา เนื้อที่บวมขึ้นมาอีกนี้อาจพัฒนากลายเป็นมะเร็งได้ในอนาคต ทำให้ “คุณสุพิศ” พยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมจากทางอินเทอร์เน็ตเพื่อหาทางเลือกในวิธีการรักษาและพบว่าที่ “ศูนย์ศัลยกรรมส่องกล้อง โรงพยาบาลลานนา” มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งมีเทคนิคในการ “รักษาโรคไทรอยด์ด้วยการผ่าตัดโดยใช้เทคนิคการส่องกล้อง” จึงได้ติดต่อขอรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติมและหลังจากได้ทราบถึงข้อดีว่าเทคนิคดังกล่าวจะช่วยให้ปราศจาก “รอยแผลเป็น” ซึ่งเจ้าตัวไม่พึงประสงค์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงได้ขอนัดคุณหมอเพื่อให้ได้รับการรักษาโดยเร็ว
หากปล่อยไว้ไม่รักษา
โรคอาจลุกลามเกินคาด!!
อันที่จริงแล้ว “ต่อมไทรอยด์” เป็นอวัยวะที่อยู่ตรงบริเวณคอและเป็นต่อมไร้ท่อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนซึ่งมีผลต่อการทำงานในระบบต่าง
ๆ ของร่างกาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นระบบไขมันในเลือด หรือระบบย่อยอาหาร และการทำงานของกล้ามเนื้อ
ตลอดถึงการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เพราะฉะนั้นเมื่อใครมีภาวะไทรอยด์ผิดปกติหรือเป็นพิษเกิดขึ้น
มันก็จะส่งสัญญาณออกมาทำให้ปรากฏอาการหลายอย่าง ดังที่ “คุณสุพิศ”
เจอมาแล้ว ซึ่งเข้าข่ายเรียกว่าเป็นผลจากการมี “ฮอโมนไทรอยด์เกิน” หรือ ‘Hyper Thyroid’ ซึ่งเป็นภาวะที่ฮอร์โมนหลั่งออกมามากเกินจำเป็น
จึงส่งผลให้เกิดอาการหัวใจเต้นแรง ใจสั่น เหนื่อยง่าย
มีเหงื่อออกมาก อารมณ์ก็ค่อนข้างแปรปรวนบ่อย
โดยยังมีอาการแปลก ๆ อีกหลายอย่าง
และควรต้องรีบปรึกษากับคุณหมอผู้ชำนาญเฉพาะทางเพื่อให้ได้รับการบำบัดรักษาโดยไม่ปล่อยทิ้งไว้เพราะตัวโรคอาจพัฒนาไปถึงขั้น
“มะเร็งต่อมไทรอยด์” ในโอกาสต่อไป
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้มากกว่าครึ่งของผู้ป่วยเป็นเพราะ
“ความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน” รวมทั้ง “ความเครียด”
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยสามารถควบคุมได้ ส่วนต้นตอที่มาจาก “พันธุกรรม” กับ “ไวรัส”
จะทำให้ผู้ป่วยหมดโอกาสควบคุมบังคับได้ สำหรับการรักษาภาวะ “ไทรอยด์เป็นพิษ” ในกรณีของ “คุณสุพิศ” ซึ่งเป็นสุภาพสตรีที่ยังรักสวย รักงามและไม่ต้องการให้มีแผลเป็นแนวยาวอยู่กลางคอ จึงได้ตัดสินใจให้ “นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์...แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการส่องกล้อง” ประจำ “โรงพยาบาลลานนา” นำ “เทคโนโลยีการรักษาด้วยการส่องกล้องผ่านช่องปากแบบไร้แผลเป็น” หรือ ‘Transoral Endoscopic Thyroidectomy’ มารักษา ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวนี้สามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาได้ทั้งโรคไทรอยด์, คอพอก รวมทั้งถุงซีสต์น้ำที่ต่อมไทรอยด์ โดยคุณหมอได้อธิบายถึงความแตกต่างและข้อดีในการรักษาด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดแบบส่องกล้องนี้ผ่านทางช่องปากของผู้ป่วยด้วยการเปิดรูเล็กประมาณ 1-2 ซ.ม. สำหรับสอดอุปกรณ์กล้องขนาดจิ๋วและเครื่องมือผ่าตัดพิเศษโดยเลาะไปใต้ผิวหนังลงไปถึงบริเวณต่อมไทรอยด์เพื่อตัดถุงน้ำที่บริเวณต่อมไทรอยด์ที่มีปัญหาออก ซึ่งวิธีการเปิดแผลภายในช่องปากนี้จะช่วยให้มีการสมานแผลได้ดีกว่าเปิดแผลภายนอก ช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อได้มาก เสียเลือดน้อยกว่า ที่สำคัญคือผู้ป่วยไม่มีแผลเป็นภายนอกเลย จึงกล่าวได้ว่าเป็นจุดเด่นของการรักษาที่แตกต่างจากการผ่าตัดแบบเปิดเช่นในอดีต ซึ่งหนีไม่พ้นต้องเกิดรอยแผลเป็นบริเวณลำคอของผู้ป่วยเป็นแนวยาวราว ๆ 8–10 ซม. จึงทำให้หลังการรักษาผู้ป่วยไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นภายนอกอีกต่อไป
ผ่าตัดแล้วไม่เห็นมีแผลเป็นอยู่ที่คอของตัวเอง!!!
หลังจากการผ่าตัดได้เสร็จสิ้นลงแล้ว “คุณสุพิศ”
ได้เปิดประสบการณ์ในการมารักษา “โรคไทรอยด์” ให้ทีมงาน “อุ่นใจ..ใกล้หมอ”
ทราบหลายอย่างโดยเผยว่า
“...การผ่าตัดใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นดิฉันได้นอนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลลานนา
3 คืนก็กลับบ้านได้แล้วและพักรักษาตัวไม่กี่อาทิตย์ตามคำแนะนำของคุณหมอ โดยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วค่ะ
ซึ่งเพื่อน ๆ และคนใกล้ตัวได้บอกดิฉันว่าไม่เหมือนไปผ่าตัดมาเลยเพราะไม่มีแผลเป็นให้เห็น
ซึ่งก็ทำให้ดิฉันกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ และคิดไม่ผิดที่เลือกรักษาด้วยวิธีการนี้...”