โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่ ใช้เทคโนโลยี ช่วยในการวินิจฉัย และรักษาโดยการส่องกล้อง www.lanna-hospital.com

28 พฤษภาคม 2564

โรงพยาบาลลานนา ออกแพ็กเกจ “ฉีดวัคซีนโควิดอุ่นใจ…ให้ลานนาดูแล” นอนดูอาการ เพิ่มความปลอดภัย หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมบริการเสริมด้านสุขภาพ

โรงพยาบาลลานนา ออกแพ็กเกจ “ฉีดวัคซีนโควิดอุ่นใจ…ให้ลานนาดูแล” นอนดูอาการ เพิ่มความปลอดภัย หลังการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมบริการเสริมด้านสุขภาพ





#อยากนอนดูอาการ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 .. บริการห้องพัก สังเกตอาการ หลังได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาแล้ว..  นอนพักในโรงพยาบาลลานนา  1 คืน  ราคา 2,800 บาท  (รวมค่าแพทย์)

.

ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้  ประชาชนชาวเชียงใหม่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว โดยผ่านการจองจากระบบหมอพร้อม กลุ่มแรกที่จะได้รับการฉีดก็คือ #ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง อันได้แก่ #ผู้มีโรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง #โรคหัวใจและหลอดเลือด #โรคไตวายเรื้อรัง #โรคหลอดเลือดสมอง #โรคมะเร็ง #โรคเบาหวาน และ #โรคอ้วน  ซึ่งหลายท่านมีความวิตกกังวล ในเรื่องของผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 นี้..   


แพ็กเกจ #ฉีดวัคซีนโควิดอุ่นใจ #ให้ลานนาดูแล เป็นบริการเพื่อความสะดวก และลดความวิตกกังวล ให้แก่ผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19  เข้า  Admit นอนสังเกตอาการ ในโรงพยาบาลลานนา 1 คืน มีแพทย์ประเมินอาการ ก่อนการเข้าพักสังเกตอาการ และก่อนกลับบ้าน เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการทุกคน 


ทั้งนี้โรงพยาบาลลานนา เป็นโรงพยาบาลร่วมสำนักงานประกันสุขภาพทั่วหน้า (สปสช.) หากท่านมีอาการข้างเคียงจากการได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19  สามารถ Admit รักษาตัวต่อได้  โดยใช้สิทธิสปสช. (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) 

.

#รับสิทธิ์พิเศษ สำหรับผู้ใช้บริการแพ็กเกจ  :  

 1. โปรแกรมตรวจสุขภาพลานนาอุ่นใจ ราคา  999 บาท  (งดน้ำ งดอาหารก่อนการตรวจ)

 2. ตรวจหาภูมิคุ้มกัน เชื้อโควิด-19 ในราคา 800 บาท จากราคาปกติ 1,200 บาท 

 3. วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ราคา 450 บาท จากราคาปกติ 800 บาท 

 4. ตรวจสุขภาพช่องปากพร้อมขูดหินปูน ราคา 900 บาท 

.

#ติดต่อสอบถามและสำรองห้องพัก ได้ที่..  แผนกลูกค้าสัมพันธ์ โทร.052 134777



26 พฤษภาคม 2564

เจอนิ่วในถุงน้ำดีโดยบังเอิญ...ไม่ปรากฏอาการ-ส่งสัญญาณให้รู้!! รพ.ลานนาใช้เทคโนฯ ก้าวหน้าผ่าตัดส่องกล้องแบบ “ไร้รอยแผล”

 





วิวัฒนาการทางการแพทย์ไม่หยุดอยู่กับที่...  

ก้าวหน้าพัฒนาชนิดไม่หยุดยั้งเรื่อยมาไม่ว่าวัน-เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดคือ “เทคโนโลยีการแพทย์” ซึ่งช่วยให้การรักษาพยาบาลผู้คนที่เจ็บป่วยด้วยสารพัดโรคภัยสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาของความทุกข์ระทมจากภาวะอาการที่มีการบ่มเพาะอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงระดับที่มีความรุนแรง เพิ่มความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับผู้ป่วยหนักยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รับการบำบัดรักษาอย่างถูกที่ถูกทาง ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ...ต้องทันการด้วย...เพื่อมิให้มี “เรื่องเศร้า” เกิดขึ้น...กรณีของ “โรคนิ่วในถุงน้ำดี” เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดสำหรับความก้าวหน้าของวงการแพทย์จากที่เมื่อ30-40 ปีก่อนต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเปิดหน้าท้องของผู้ป่วยเพื่อขจัดต้นตอคือ “ก้อนนิ่ว” ที่แอบก่อร่างสร้างตัวอยู่ในท่อน้ำดีจนมีขนาดโตมาขวางช่องทางท่อน้ำดีที่เชื่อมต่อไปยังถุงน้ำดี ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการปวดท้องรุนแรงตามมา...และเมื่อ20 กว่าปีมานี้เทคโนโลยีการผ่าตัดขจัดนิ่วได้รับการพัฒนาจากเดิมมาเป็นการผ่าตัดส่องกล้องแบบเจาะรูเล็กที่หน้าท้อง 3-4 แผลช่วยให้ผู้ป่วยมีทางเลือกที่ช่วยให้พ้นจากความป่วยไข้ได้อีกแบบ แต่เชื่อไหมครับว่าปัจจุบันนี้มีพัฒนาการก้าวหน้าไปอีกแบบโดยวงการแพทย์ได้ใช้ประโยชน์ในการกำจัดนิ่วในถุงน้ำดีที่อาศัย “เทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้องแบบแผลเดียว” จึงสามารถ...ซ่อนรอยแผลที่สะดือ...เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Laparoscopic Cholecystectomy หรือ LC Single Port...และมีการนำเข้ามาให้การบำบัดรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลายแห่ง รวมทั้ง “โรงพยาบาลลานนา” จังหวัดเชียงใหม่โดยมีผู้ป่วยหลายรายแล้วที่ผ่านการบำบัดรักษาหายด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้รวมทั้ง “คุณศิรินภา พุดเที่ยง” ซึ่งเป็นรายล่าสุดที่เจอนิ่วในถุงน้ำดีแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวและหลังจากที่การรักษาผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วได้เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า 

“...ปกติแล้วเป็นคนแข็งแรง ไม่ได้มีอาการผิดปกติใด ๆ มาก่อน แต่มาทราบว่าตัวเองมีโรคแฝงอยู่ในร่างกายเมื่อตอนที่มาตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบจากผลตรวจเลือดว่ามีไวรัสตับอักเสบบี คุณหมอจึงแนะนำให้ไปตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องเพิ่มเติมเพื่อดูสุขภาพของตับ และอวัยวะภายในช่องท้อง จึงได้พบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดี โชคดีที่คุณหมอแจ้งว่ายังอยู่ในระยะแรก ๆ ซึ่งขนาดของก้อนนิ่วไม่ได้ใหญ่มากจนอันตราย จึงแนะนำทางเลือกการรักษาด้วยการทานยาร่วมกับการปรับพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ แต่หากต้องการตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตก็มีอีกวิธีหนึ่งคือผ่าตัดเอานิ่วในถุงน้ำดีออกไปค่ะ...และในเมื่อทราบอย่างนั้นแล้วก็ไม่อยากปล่อยเฉยไว้เพราะกลัวว่าเจ้านิ่วที่เจอจะทำร้ายตัวเองในอนาคตเหมือนที่สามีเคยเจอมาแล้วและอาการได้กำเริบแบบไม่ทันตั้งตัวจนปวดท้องทรมาน และสุดท้ายก็ต้องรับการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อรักษาให้หาย ดิฉันจึงตัดสินรับการรักษาด้วยการผ่าตัดในที่สุดโดยตัดสินใจเลือกเข้ารับการผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีผ่าตัดส่องกล้องแบบแผลเดียว ตามที่คุณหมอราชันพัทธ์ได้อธิบายหลักการให้เข้าไจแล้วค่ะ...”

อาการของนิ่วในถุงน้ำดี-ผลดีของเทคโนฯ ผ่าตัดส่องกล้องฯ

ก่อนที่ “หมอจอแก้ว” จะพาท่านผู้อ่านไปติดตามข้อมูลจาก “นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์...ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการส่องกล้อง” ประจำ “โรงพยาบาลลานนา” เพื่อจะได้ทราบว่า “โรคนิ่วในถุงน้ำดี” มีอันตรายมากน้อยเพียงใด โดยคุณหมออธิบายว่า

“...โรคนิ่วในถุงน้ำดีนี้ไม่ได้มีปัจจัยแค่เพียงเรื่องของอายุ และเพศเท่านั้น ยังมีปัจจัยที่สำคัญอีกหลายๆ อย่าง เช่น การทานอาหาร คนอ้วน คอเลสเตอรอลในเลือดสูง ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน ธาลัสซีเมีย  โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้เช่นกัน โดยในผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่มีอาการใดเลยในระยะเริ่มต้น แต่หากปล่อยไว้นาน ๆ ก้อนนิ่วที่มีอยู่อาจจะมีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นก็ได้ ทำให้ไปอุดตันบริเวณรอยต่อระหว่างถุงน้ำดีกับท่อน้ำดี ส่งผลให้เกิดการอักเสบ และปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวา หากลุกลามไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด อาจเป็นเหตุทำให้อันตรายถึงชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม หากตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดีจนทำให้เกิดอาการ หนทางสุดท้ายในการรักษาก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของการผ่าตัดที่จะสามารถจบปัญหาในเรื่องของนิ่วในถุงน้ำดีได้เป็นอย่างดี เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ จะเกิดปัญหาถุงน้ำดีอักเสบ ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต่อปี และที่สำคัญมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งถุงน้ำดีจากการอักเสบเรื้อรังได้อีกด้วย..ทั้งนี้หากได้รับการตรวจและรู้ก่อนก็สามารถแก้ไขทัน และไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือนดังตัวอย่างของผู้ป่วยรายนี้ครับ... ” 




สำหรับในแง่ของการผ่าตัดในรายของ “คุณศิรินภา” นั้น “คุณหมอราชันย์พัทธ์” อธิบายดังนี้

“...ปัจจุบัน การรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดีจะแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อเอาถุงน้ำดีออกเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมา โดยผมได้เลือกใช้วิธีการรักษาแบบใหม่ด้วย การผ่าตัดแบบส่องกล้องแผลเดียว ซึ่งต่างจากการส่องกล้องแบบเดิมที่ใช้วิธีเจาะรูบริเวณหน้าท้อง 3-4 แผล...โดยการผ่าแบบใหม่จะมีแผลผ่าตัดที่บริเวณรูสะดือ เนื่องจากสะดือมีความโค้ง และยืดหยุ่นสามารถยืดเพื่อเปิดแผลให้กว้างขึ้น  ทำให้สามารถใส่กล้องและเครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กผ่านทางช่องสะดือเข้าไปผ่าตัดถุงน้ำดีออกไป ซึ่งก็ไม่ต่างจาก การผ่าตัดผ่านกล้องทั่วไป โดยที่ผู้ป่วยจะมีความเจ็บปวดเลยน้อยลงหลังการผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นน้อย สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ไว และไม่มีรอยแผลเป็นให้รำคาญใจอีกด้วย ถือเป็นเรื่องดีโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่รักสวยรักงามจะชื่นชอบการรักษาด้วยวิธีนี้เพราะไม่มีแผลเป็นมาทำให้เสียความมั่นใจครับ...”

ทั้งนี้ “คุณหมอราชันย์พัทธ์” ได้กำชับสรุปได้ดังนี้คือ...สิ่งที่สำคัญมากกว่าเทคโนโลยีการรักษาอาการเจ็บป่วย นั่นคือการดูแลร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ลดการรับประทานอาหารมัน ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน และหมั่นสังเกตอาการตนเองเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย หากมีสัญญาณโรคจะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที

ผู้ผ่านการรักษาเผยประสบการณ์...

อวกกลับไปยัง “คุณศิรินภา” ...ผู้ป่วยรายล่าสุดที่เข้ารับการรักษาด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้าซึ่ง “โรงพยาบาลลานนา” นำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดรักษา “โรคนิ่วในถุงน้ำดี” โดยมีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้

“...หลังจากผ่าตัดเสร็จและฟื้นขึ้นมาเห็นแผลก็รู้สึกดีมากเพราะแทบมองไม่เห็น  และไม่ปวดแผล ไม่มีไข้ รู้สึกแค่ว่ามีอาการจี๊ด ๆ ที่ท้องบ้าง แต่ก็สามารถลุกออกจากเตียง เดินเองได้ เข้าห้องน้ำเองได้เลย ใช้เวลาพักฟื้นนอนโรงพยาบาลอยู่ 2 คืนก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตทำกิจวัตรประจำได้ตามปกติ อาหารการกินก็ทานอาหารเบา ๆ ในช่วงแรก แต่เลี่ยงการยกของหนัก และการออกกำลังกายหนัก ๆ เพื่อป้องกันอันตรายหลังการผ่าตัด...ขอขอบคุณคุณหมอราชันย์พัทธ์ และเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำโรงพยาบาลลานนาทุกท่านที่ได้ให้การดูแลดิฉันเป็นอย่างดีระหว่างไปเข้ารับการรักษาค่ะ...”

ที่จริงต้องถือว่าเป็น “ข่าวดี” สำหรับท่านที่ใช้ชีวิตอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงที่อย่างน้อยก็มี “โรงพยาบาลลานนา” เป็นที่พึ่งอีกแห่งในการดูแลรักษาภาวะอาการอันเกิดจาก “โรคนิ่วในถุงน้ำดี” โดยการนำความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์มาใช้ประโยชน์เพื่อนำพาผู้ป่วยก้าวข้ามความทุกข์ด้วยความพึงพอใจ... “หมอจอแก้ว” ขอแสดงความดีใจด้วยครับ




11 พฤษภาคม 2564

โรงพยาบาลลานนา รณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ 100 % สร้างความมั่นใจแก่ผู้รับบริการ



ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลลานนา นำทีมบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า พร้อมเจ้าหน้าที่พนักงาน รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่ 2 จำนวน 240 คน ซึ่งได้รับการจัดสรร ตามแผนการจัดสรรวัคซีนของรัฐบาล โดยรอบนี้เป็นวัคซีน COVID 19 ของบริษัท Sinovac การฉีดครั้งนี้เป็นไปตามแผน ของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรค ลดความรุนแรงของโรค และสร้างความเชื่อมั่นถึงความปลอดภัยในการรับวัคซีนโควิด 19 และให้ประชาชนเตรียมความพร้อมก่อนการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อลดอัตราการป่วย อัตราการเสียชีวิต และช่วยให้เศรษฐกิจ และสังคมกลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว



โดย นพ.ดุสิต ศรีสกุล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลลานนา เปิดเผยถึงการดำเนินงาน ในการรณรงค์การฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่า “โรงพยาบาลลานนา มีความตั้งใจที่จะดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ ให้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทุกคน100% โดยจะมีการแจกป้ายห้อยเข็มกลัด  “ฉีดแล้ว .. วัคซีนCovid-19” ให้กับเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นหมอหรือพยาบาล หากได้รับการฉีดป้องกันโรคโควิด 2 เข็ม ครบถ้วนแล้ว ก็จะได้รับเข็มกลัดติดป้ายชื่อนี้ เป็นสัญลักษณ์ที่หน้าอก เพื่อแสดงว่าได้รับการฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว การที่เจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19ครบ ก็เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคโควิด-19 และลดการแพร่เชื้อ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญของประเทศ ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน อีกทั้งยังสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้ามารับบริการ ในการเข้ามาในโรงพยาบาลลานนาต่อไป



ทั้งนี้ ถึงแม้ว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ป้องกันโรคและลดอาการป่วยรุนแรง การเสียชีวิต .. แต่ยังมีโอกาสที่ติดเชื้อได้ โรงพยาบาลลานนา ขอเน้นย้ำให้ผู้ที่รับวัคซีนโควิด-19 แล้ว ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด19 กันอย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง และการล้างมือบ่อยๆ