โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่ ใช้เทคโนโลยี ช่วยในการวินิจฉัย และรักษาโดยการส่องกล้อง www.lanna-hospital.com

26 พฤษภาคม 2564

เจอนิ่วในถุงน้ำดีโดยบังเอิญ...ไม่ปรากฏอาการ-ส่งสัญญาณให้รู้!! รพ.ลานนาใช้เทคโนฯ ก้าวหน้าผ่าตัดส่องกล้องแบบ “ไร้รอยแผล”

 





วิวัฒนาการทางการแพทย์ไม่หยุดอยู่กับที่...  

ก้าวหน้าพัฒนาชนิดไม่หยุดยั้งเรื่อยมาไม่ว่าวัน-เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดคือ “เทคโนโลยีการแพทย์” ซึ่งช่วยให้การรักษาพยาบาลผู้คนที่เจ็บป่วยด้วยสารพัดโรคภัยสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาของความทุกข์ระทมจากภาวะอาการที่มีการบ่มเพาะอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงระดับที่มีความรุนแรง เพิ่มความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับผู้ป่วยหนักยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้รับการบำบัดรักษาอย่างถูกที่ถูกทาง ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ...ต้องทันการด้วย...เพื่อมิให้มี “เรื่องเศร้า” เกิดขึ้น...กรณีของ “โรคนิ่วในถุงน้ำดี” เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดสำหรับความก้าวหน้าของวงการแพทย์จากที่เมื่อ30-40 ปีก่อนต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเปิดหน้าท้องของผู้ป่วยเพื่อขจัดต้นตอคือ “ก้อนนิ่ว” ที่แอบก่อร่างสร้างตัวอยู่ในท่อน้ำดีจนมีขนาดโตมาขวางช่องทางท่อน้ำดีที่เชื่อมต่อไปยังถุงน้ำดี ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการปวดท้องรุนแรงตามมา...และเมื่อ20 กว่าปีมานี้เทคโนโลยีการผ่าตัดขจัดนิ่วได้รับการพัฒนาจากเดิมมาเป็นการผ่าตัดส่องกล้องแบบเจาะรูเล็กที่หน้าท้อง 3-4 แผลช่วยให้ผู้ป่วยมีทางเลือกที่ช่วยให้พ้นจากความป่วยไข้ได้อีกแบบ แต่เชื่อไหมครับว่าปัจจุบันนี้มีพัฒนาการก้าวหน้าไปอีกแบบโดยวงการแพทย์ได้ใช้ประโยชน์ในการกำจัดนิ่วในถุงน้ำดีที่อาศัย “เทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้องแบบแผลเดียว” จึงสามารถ...ซ่อนรอยแผลที่สะดือ...เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Laparoscopic Cholecystectomy หรือ LC Single Port...และมีการนำเข้ามาให้การบำบัดรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลายแห่ง รวมทั้ง “โรงพยาบาลลานนา” จังหวัดเชียงใหม่โดยมีผู้ป่วยหลายรายแล้วที่ผ่านการบำบัดรักษาหายด้วยเทคโนโลยีใหม่นี้รวมทั้ง “คุณศิรินภา พุดเที่ยง” ซึ่งเป็นรายล่าสุดที่เจอนิ่วในถุงน้ำดีแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวและหลังจากที่การรักษาผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วได้เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า 

“...ปกติแล้วเป็นคนแข็งแรง ไม่ได้มีอาการผิดปกติใด ๆ มาก่อน แต่มาทราบว่าตัวเองมีโรคแฝงอยู่ในร่างกายเมื่อตอนที่มาตรวจสุขภาพประจำปีแล้วพบจากผลตรวจเลือดว่ามีไวรัสตับอักเสบบี คุณหมอจึงแนะนำให้ไปตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องเพิ่มเติมเพื่อดูสุขภาพของตับ และอวัยวะภายในช่องท้อง จึงได้พบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดี โชคดีที่คุณหมอแจ้งว่ายังอยู่ในระยะแรก ๆ ซึ่งขนาดของก้อนนิ่วไม่ได้ใหญ่มากจนอันตราย จึงแนะนำทางเลือกการรักษาด้วยการทานยาร่วมกับการปรับพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ แต่หากต้องการตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตก็มีอีกวิธีหนึ่งคือผ่าตัดเอานิ่วในถุงน้ำดีออกไปค่ะ...และในเมื่อทราบอย่างนั้นแล้วก็ไม่อยากปล่อยเฉยไว้เพราะกลัวว่าเจ้านิ่วที่เจอจะทำร้ายตัวเองในอนาคตเหมือนที่สามีเคยเจอมาแล้วและอาการได้กำเริบแบบไม่ทันตั้งตัวจนปวดท้องทรมาน และสุดท้ายก็ต้องรับการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อรักษาให้หาย ดิฉันจึงตัดสินรับการรักษาด้วยการผ่าตัดในที่สุดโดยตัดสินใจเลือกเข้ารับการผ่าตัดด้วยเทคโนโลยีผ่าตัดส่องกล้องแบบแผลเดียว ตามที่คุณหมอราชันพัทธ์ได้อธิบายหลักการให้เข้าไจแล้วค่ะ...”

อาการของนิ่วในถุงน้ำดี-ผลดีของเทคโนฯ ผ่าตัดส่องกล้องฯ

ก่อนที่ “หมอจอแก้ว” จะพาท่านผู้อ่านไปติดตามข้อมูลจาก “นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์...ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการส่องกล้อง” ประจำ “โรงพยาบาลลานนา” เพื่อจะได้ทราบว่า “โรคนิ่วในถุงน้ำดี” มีอันตรายมากน้อยเพียงใด โดยคุณหมออธิบายว่า

“...โรคนิ่วในถุงน้ำดีนี้ไม่ได้มีปัจจัยแค่เพียงเรื่องของอายุ และเพศเท่านั้น ยังมีปัจจัยที่สำคัญอีกหลายๆ อย่าง เช่น การทานอาหาร คนอ้วน คอเลสเตอรอลในเลือดสูง ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวาน ธาลัสซีเมีย  โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้เช่นกัน โดยในผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่มีอาการใดเลยในระยะเริ่มต้น แต่หากปล่อยไว้นาน ๆ ก้อนนิ่วที่มีอยู่อาจจะมีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นก็ได้ ทำให้ไปอุดตันบริเวณรอยต่อระหว่างถุงน้ำดีกับท่อน้ำดี ส่งผลให้เกิดการอักเสบ และปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวา หากลุกลามไปสู่การติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด อาจเป็นเหตุทำให้อันตรายถึงชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม หากตรวจวินิจฉัยแล้วพบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดีจนทำให้เกิดอาการ หนทางสุดท้ายในการรักษาก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของการผ่าตัดที่จะสามารถจบปัญหาในเรื่องของนิ่วในถุงน้ำดีได้เป็นอย่างดี เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ จะเกิดปัญหาถุงน้ำดีอักเสบ ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต่อปี และที่สำคัญมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งถุงน้ำดีจากการอักเสบเรื้อรังได้อีกด้วย..ทั้งนี้หากได้รับการตรวจและรู้ก่อนก็สามารถแก้ไขทัน และไม่มีอะไรน่ากลัวเหมือนดังตัวอย่างของผู้ป่วยรายนี้ครับ... ” 




สำหรับในแง่ของการผ่าตัดในรายของ “คุณศิรินภา” นั้น “คุณหมอราชันย์พัทธ์” อธิบายดังนี้

“...ปัจจุบัน การรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดีจะแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อเอาถุงน้ำดีออกเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมา โดยผมได้เลือกใช้วิธีการรักษาแบบใหม่ด้วย การผ่าตัดแบบส่องกล้องแผลเดียว ซึ่งต่างจากการส่องกล้องแบบเดิมที่ใช้วิธีเจาะรูบริเวณหน้าท้อง 3-4 แผล...โดยการผ่าแบบใหม่จะมีแผลผ่าตัดที่บริเวณรูสะดือ เนื่องจากสะดือมีความโค้ง และยืดหยุ่นสามารถยืดเพื่อเปิดแผลให้กว้างขึ้น  ทำให้สามารถใส่กล้องและเครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กผ่านทางช่องสะดือเข้าไปผ่าตัดถุงน้ำดีออกไป ซึ่งก็ไม่ต่างจาก การผ่าตัดผ่านกล้องทั่วไป โดยที่ผู้ป่วยจะมีความเจ็บปวดเลยน้อยลงหลังการผ่าตัด ใช้เวลาพักฟื้นน้อย สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ไว และไม่มีรอยแผลเป็นให้รำคาญใจอีกด้วย ถือเป็นเรื่องดีโดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่รักสวยรักงามจะชื่นชอบการรักษาด้วยวิธีนี้เพราะไม่มีแผลเป็นมาทำให้เสียความมั่นใจครับ...”

ทั้งนี้ “คุณหมอราชันย์พัทธ์” ได้กำชับสรุปได้ดังนี้คือ...สิ่งที่สำคัญมากกว่าเทคโนโลยีการรักษาอาการเจ็บป่วย นั่นคือการดูแลร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ลดการรับประทานอาหารมัน ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน และหมั่นสังเกตอาการตนเองเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย หากมีสัญญาณโรคจะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที

ผู้ผ่านการรักษาเผยประสบการณ์...

อวกกลับไปยัง “คุณศิรินภา” ...ผู้ป่วยรายล่าสุดที่เข้ารับการรักษาด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้าซึ่ง “โรงพยาบาลลานนา” นำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดรักษา “โรคนิ่วในถุงน้ำดี” โดยมีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้

“...หลังจากผ่าตัดเสร็จและฟื้นขึ้นมาเห็นแผลก็รู้สึกดีมากเพราะแทบมองไม่เห็น  และไม่ปวดแผล ไม่มีไข้ รู้สึกแค่ว่ามีอาการจี๊ด ๆ ที่ท้องบ้าง แต่ก็สามารถลุกออกจากเตียง เดินเองได้ เข้าห้องน้ำเองได้เลย ใช้เวลาพักฟื้นนอนโรงพยาบาลอยู่ 2 คืนก็กลับบ้านไปใช้ชีวิตทำกิจวัตรประจำได้ตามปกติ อาหารการกินก็ทานอาหารเบา ๆ ในช่วงแรก แต่เลี่ยงการยกของหนัก และการออกกำลังกายหนัก ๆ เพื่อป้องกันอันตรายหลังการผ่าตัด...ขอขอบคุณคุณหมอราชันย์พัทธ์ และเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำโรงพยาบาลลานนาทุกท่านที่ได้ให้การดูแลดิฉันเป็นอย่างดีระหว่างไปเข้ารับการรักษาค่ะ...”

ที่จริงต้องถือว่าเป็น “ข่าวดี” สำหรับท่านที่ใช้ชีวิตอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงที่อย่างน้อยก็มี “โรงพยาบาลลานนา” เป็นที่พึ่งอีกแห่งในการดูแลรักษาภาวะอาการอันเกิดจาก “โรคนิ่วในถุงน้ำดี” โดยการนำความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์มาใช้ประโยชน์เพื่อนำพาผู้ป่วยก้าวข้ามความทุกข์ด้วยความพึงพอใจ... “หมอจอแก้ว” ขอแสดงความดีใจด้วยครับ