หนุ่มวัย 47 ปีนึกไม่ถึงว่าจะถูก “มัจจุราชเงียบ”
โจมตีไม่รู้ตัว!!
รพ.ลานนา ใช้เทคโนฯ ขยายหลอดเลือดผ่านข้อมือแทนผ่าตัด…
จู่ ๆ ก็ใจสั่น-เจ็บหน้าอก-ปวดร้าวถึงกราม
นั่งทำงานอยู่ดี ๆ แต่ไหงจึงใจสั่นริก ๆ พร้อมกับเจ็บหน้าอกแล้วตามมาด้วยอาการปวดร้าวขึ้นไปถึงกราม จน “คุณอภิชาติ สุขสวัสดิ์” ต้องรีบพาตัวเองไปที่ห้องพยาบาลของสำนักงานโดยไม่รอช้าเพื่อตั้งหลักหาสาเหตุแต่อาการก็ไม่ดีขึ้นแม้จะผ่านไปหลายนาทีแล้ว เจ้าตัวจึงรีบขับรถบึ่งไปโรงพยาบาลใกล้ตัวไว้ก่อนและได้รับการตรวจวินิจฉัยอาการอย่างเร่งด่วนจึงทราบจากแพทย์ผู้ตรวจถึงที่มาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจาก “ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน”ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนโดยโรงพยาบาลที่ได้เข้าไปรับการตรวจและเป็นโรงพยาบาลเครือข่ายได้ประสานส่งต่อไปยัง “ศูนย์บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ โรงพยาบาลลานนา”ซึ่งมีแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจประจำการและพร้อมใช้เทคโนโลยีการรักษาอันทันสมัยไว้ตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับการบำบัดรักษาผู้ป่วยที่กำลังเผชิญ “ภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน”ซึ่งทุกเวลานาทีจะมีค่าสำหรับทั้งผู้ป่วยและแพทย์ผู้รักษาอันเนื่องมากจากข้อจำกัดด้านเวลาในการยื้อชีวิตผู้ป่วยให้พ้นจากการเป็นเหยื่อของ “มัจจุราชเงียบ” ให้บรรลุผลสำเร็จ...โดยคุณหมอผู้รับผิดชอบในกรณีของ “คุณอภิชาติ” คือ “นพ.รัตนชัย ชาญชัย...แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจ และมัณฑนากรหลอดเลือดหัวใจ” ประจำ
“ศูนย์บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ โรงพยาบาลลานนา” ได้สั่งเตรียมพร้อมเพื่อทำการขยายหลอดเลือดหัวใจให้ลุล่วงภายในเวลา 90 นาทีตามหลักเกณฑ์มาตรฐานสากล จึงสามารถใช้เทคโนโลยีบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือของผู้ป่วยได้เป็นผลสำเร็จในเวลา 67 นาทีหลังจากผู้ป่วยมาถึง “ศูนย์บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ โรงพยาบาลลานนา” ทั้งนี้โดยมิได้มีการผ่าตัดแต่อย่างไร“แพทย์มัณฑนากรหลอดเลือดหัวใจ” รับบทสำคัญ...
หลังจากได้ทำการขยายหลอดเลือดหัวใจผู้ป่วยรายนี้ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยแล้ว
“คุณหมอรัตนชัย” ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จาก “เทคโนโลยีทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ”
จะต้องทำโดย“แพทย์มัณฑนากรหลอดเลือดหัวใจ” เท่านั้นโดย...ใส่ท่อขนาดเล็กเข้าทางหลอดเลือดแดงที่ข้อมือก่อนที่แพทย์จะสวนท่อเข้าไปตามหลอดเลือดจนถึงตำแหน่งของหลอดเลือดหัวใจที่มีการตีบตันอยู่
แล้วใส่บอลลูนก่อนปั๊มให้ขยายตัวขึ้นเป็นช่องทางไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ และตามด้วยการใส่ขดลวดไปค้ำยันหลอดเลือดเพื่อป้องกันมิให้หลอดเลือดหัวใจนั้นกลับมาตีบซ้ำอีก...ทั้งนี้โดยคุณหมออธิบายเสริมว่า
“...เทคโนโลยีการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือที่ว่านี้จะมีความปลอดภัยกว่าการสวนผ่านเข้าไปทางขาหนีบ เนื่องจากหลอดเลือดอยู่ตื้นและไม่มีอวัยวะใกล้เคียงที่มีโอกาสบาดเจ็บ แพทย์สามารถทำการหยุดเลือดที่ปากแผลที่ใช้เป็นช่องทางหลังสอดอุปกรณ์เข้าไปดำเนินการได้ง่ายกว่า โดยจำเป็นต้องอาศัยเทคนิคเฉพาะผสมผสานกับความชำนาญของแพทย์มากกว่าการใช้ขาหนีบเป็นช่องทาง ถือเป็นเทคโนโลยีการรักษาสมัยใหม่ที่ให้ผลการรักษาที่ดี และหลังจากผ่านการสวนขยายหลอดเลือดหัวใจทางข้อมือแล้วผู้ป่วยไม่ต้องนอนหงายในท่าเดิมเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง...จึงใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลระยะสั้นก่อนที่แพทย์อนุญาตให้ผู้ป่วยกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติโดยมีแผลเป็นขนาดเล็กที่บริเวณข้อมือครับ...”
สัญญาณเตือนที่ต้องให้ความสำคัญเร่งด่วน!!
อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่
“คุณหมอรัตนชัย” ได้ขอฝากไว้ด้วยก็คือ...โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ซึ่งเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าHeart
Attack หรือ Acute myocardial infarction
ดังเช่นที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้จะมีข้อสังเกตหรือ “สัญญาณบ่งชี้”คือผู้ป่วยจะเกิดอาการเจ็บแน่นอกติดต่อกันมากกว่า
20 นาทีขึ้นไปละก็จะมีโอกาสสูงสำหรับการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ซึ่งควรต้องรีบไปพบแพทย์ทันที
เพราะหากปล่อยให้ระยะเวลาของการอุดตันยิ่งนานมากขึ้นเพียงใดก็จะยิ่งเพิ่มพื้นที่การตายของกล้ามเนื้อหัวใจไปมากขึ้น
ก็จะยิ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตอย่างกะทันหันได้!!...และนี่คือประเด็นสำคัญที่ “นพ.รัตนชัย
ชาญชัย” ฝากไว้ในฐานะที่เป็น “แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจ
และมัณฑนากรหลอดเลือดหัวใจ” ประจำ“ศูนย์บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ
โรงพยาบาลลานนา”ซึ่งผ่านประสบการณ์ในการช่วย “ยื้อชีวิต”
ของผู้ป่วยที่เกิดภาวะอาการหลอดเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลันมาไม่น้อยรายแล้วรวมทั้ง“คุณอภิชาติ”ที่เป็นรายล่าสุดที่ได้รอดพ้นจากเงื้อมมือของ
“มัจจุราชเงียบ”
ได้อย่างทันท่วงทีหลังจากเกิดเหตุระทึกขวัญครั้งสำคัญในชีวิตขณะที่มีวัย 47 ปี ทำให้เกิดความตระหนักในการใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่านมาโดยได้เผยความในใจหลังการรักษาว่า
“หมอจอแก้ว” มีข้อสังเกตที่อยากสะกิดเตือนท่านผู้อ่านในเรื่อง “วัย”
ของผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งถือว่ายังอยู่ในช่วงที่อาจพูดได้ว่ายังเป็นเพียง “หนุ่มใหญ่”
ที่ยังห่างจากความเป็น “ผู้สูงวัย” ด้วยซ้ำ แต่ต้องมาเจอ “ภาวะหลอดเลือดหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน”
จนหวิดพลาดท่าเสียทีให้กับ “มัจจุราชเงียบ” เข้าให้แล้ว
ส่วนสาเหตุที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาก็คงไม่มีใครทราบดีเท่าเจ้าตัวอย่างแน่นอนจึงได้ฝากความในใจมาในตอนท้ายซึ่งเป็นเรื่องของ
“พฤติกรรมการใช้ชีวิต”
นั่นเองที่เป็นปัจจัยสำคัญมาหนุนนำให้เกิดเหตุ...จึงหวังอย่างยิ่งว่าประเด็นนี้จะช่วยเป็น
“เครื่องเตือนใจ” สำหรับท่านผู้อ่านชาวเชียงใหม่ทุกท่านที่ติดตามอ่าน
“อุ่นใจ...ใกล้หมอ” ในวันพุธนี้นะครับ