ทนทุกข์กว่า 3 ปีจนปวดมากสู้ไม่ไหว!!
มีกรณีของนักธุรกิจชาวเชียงใหม่ซึ่งเกิดอาการปวดหลังเรื้อรังนานถึง 3
ปีแต่ไม่ยอมไปพึ่งพาหาหมอเพราะกลัวว่าจะต้องโดนผ่าตัด
ทำให้แก้ปัญหาด้วยตัวเองโดยการหาซื้อยามารับประทานควบกับการไปหา “หมอนวด”
เพื่อช่วยผ่อนคลายเส้นสายที่เจ้าตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นต้นเหตุ แต่แล้วอาการปวดก็ยังตามมาหลอกหลอนหนักขึ้นกว่าเดิมเพิ่มความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วยที่เจอความทุกข์มาบั่นทอนความสุขรายนี้ซึ่งมีนามว่า
ชัยธรรมวุฒิ วงศ์เนตตกุล...นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ วัย 52 ปีจำใจต้องไป
รพ.ในที่สุด
...“หมอจอแก้ว” มีรายละเอียดเรื่องนี้จากการบอกเล่าของเจ้าตัวหลังจากที่เขาได้ตัดสินใจให้ภรรยาพาดิ่งไปที่ ศูนย์โรคปวดหลัง รพ.ลานนา จ.เชียงใหม่ จึงเป็นผลให้ได้รับการบำบัดรักษาด้วยเทคโนโลยีการแพทย์เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นตอเป็นผลสำเร็จและรอดพ้นความทุกข์ได้ด้วยเวลาอันสั้นแบบบที่เจ้าตัวไม่ได้คาดคิดมาก่อน...โดย “คุณชัยธรรมวุฒิ” เผยถึงเรื่องนี้ว่าตอนที่เริ่มเกิดอาการปวดหลังได้มีโรคประจำตัวคือเบาหวานอยู่ก่อนแล้วจึงเป็นเหตุให้ไม่อาจตัดสินใจไปหาหมอเพราะกลัวว่าจะต้องเข้ารับการผ่าตัดซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเป็นเบาหวานหากต้องมีแผลแล้วจะหายยาก ยิ่งกว่านั้นยังกังวลอีกด้วยว่าหลังผ่าตัดอาจจะส่งผลให้ตัวเองเดินไม่ได้ปกติเหมือนเดิม...
...“หมอจอแก้ว” มีรายละเอียดเรื่องนี้จากการบอกเล่าของเจ้าตัวหลังจากที่เขาได้ตัดสินใจให้ภรรยาพาดิ่งไปที่ ศูนย์โรคปวดหลัง รพ.ลานนา จ.เชียงใหม่ จึงเป็นผลให้ได้รับการบำบัดรักษาด้วยเทคโนโลยีการแพทย์เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นตอเป็นผลสำเร็จและรอดพ้นความทุกข์ได้ด้วยเวลาอันสั้นแบบบที่เจ้าตัวไม่ได้คาดคิดมาก่อน...โดย “คุณชัยธรรมวุฒิ” เผยถึงเรื่องนี้ว่าตอนที่เริ่มเกิดอาการปวดหลังได้มีโรคประจำตัวคือเบาหวานอยู่ก่อนแล้วจึงเป็นเหตุให้ไม่อาจตัดสินใจไปหาหมอเพราะกลัวว่าจะต้องเข้ารับการผ่าตัดซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนเป็นเบาหวานหากต้องมีแผลแล้วจะหายยาก ยิ่งกว่านั้นยังกังวลอีกด้วยว่าหลังผ่าตัดอาจจะส่งผลให้ตัวเองเดินไม่ได้ปกติเหมือนเดิม...
ผู้ป่วยได้ลำดับความตั้งแต่เกิดอาการเมื่อ
3 ปีที่ผ่านมาโดยแรกทีเดียวจะปวดเมื่อยหลัง เมื่อยเอว ซึ่งเจ้าตัวก็คิดว่าน่าจะเป็นผลจากการทำงานที่ต้องเดินทางนั่งรถ
ขับรถไปหาลูกค้าบ่อย ๆ โดยบางครั้งอาจเผลอตัวไปยกของหนัก มีการเอี้ยวตัวผิดท่าบ้างจึงคิดว่าพฤติกรรมเหล่านี้คงจะมีผลให้อาการปวดหลังสะสมเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย
ๆ แต่ที่สงสัยคือ...เมื่อวันเวลาผ่านไปแล้วเพราะเหตุใดยังมีอาการปวดเมื่อยอยู่อีก แถมยังมีอาการปวดชา
ร้าวลงขาขวา เจ็บแปล๊บ ๆ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องประกอบกิจกรรมใด ๆ และไม่ว่าจะนั่ง
ยืน เดินนาน ๆ จะยิ่งปวดมาก...มากจนต้องนั่งพักเพื่อให้อาการทุเลาลงก่อนมิฉะนั้นจะไม่สามารถดำเนินทำกิจกรรมต่าง
ๆ ต่อไปได้...แต่ในที่สุดก็เจอความปวดชนิดสุดทนระหว่างที่นั่งรถกลับต่างจังหวัด
จู่ ๆ อาการปวดหลังได้กำเริบหนักมากราวกับว่าเส้นจะขาด ไม่ว่าจะนั่งหรือนอนก็ไม่ได้
เดินก็แทบไม่ไหวซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเป็นความทรมานมากที่สุดที่เคยเจอ จึงได้ขอให้ภรรยาพาไปโรงพยาบาลลานนาโดยไม่ยอมเสียเวลาทนอีกต่อไป
หลังที่พากันมาถึง
“รพ.ลานนา” ก็ได้ตรงไปที่ “ศูนย์โรคปวดหลัง” โดยได้รับการตรวจ-วินิจฉัยจาก นพ.เดชวัศวร์ ศิวัชพันธุ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ
ซึ่งหลังจากได้รับการซักประวัติแล้วได้ไปเข้ารับการตรวจร่างกายด้วยเทคโนโลยีสแกนร่างกายด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
หรือ MRI
จึงได้ทราบผลว่า... “หมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท”
โดย “คุณหมอเดชวัศวร์” ได้อธิบายด้วยว่าพบเศษของกระดูกสันหลังแตกเป็นชิ้นเล็ก
ชิ้นน้อยและได้ไปเบียดกดทับเส้นประสาท อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังรุมเร้าบ่อย
ๆ บางทีก็ชาร้าวลงขา เจ็บแปล๊บ ๆ เหมือนไฟช็อตบ่อยครั้ง...ซึ่งทางออกเพื่อให้พ้นทรมานที่คุณหมอแนะนำคือ
“รักษาด้วยการผ่าตัด...”
เทคโนฯ
ผ่าตัดแผลเล็ก...อีก 1 ที่พึ่งของชาวเหนือ
แต่ด้วยเหตุที่ “คุณชัยธรรมวุฒิ”
ยังมีความคิดคำนึงว่าจะเดินไม่ได้...ผ่าไปแล้วอาจจะไม่ฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิม
ที่สำคัญคือเป็นโรคเบาหวานอยู่ก่อนแล้วจึงกลัวว่าแผลผ่าตัดจะหายช้าและต้องดูแลมากกว่าคนปกติ
จึงไม่อาจตกลงปลงใจตามที่คุณหมอแนะนำโดยยังคงนอนพักรักษาตัวที่ รพ.ลานนา โดยหวังว่าอาการจะดีขึ้นจากยาที่คุณหมอสั่งให้...แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลเพราะหากหมดฤทธิ์ยาเมื่อใดอาการปวดหลังก็จะมารบกวนเหมือนเดิม
จึงทำให้ “คุณหมอเดชวัศวร์” ได้เข้ามาแนะนำการรักษาด้วย “เทคโนโลยีผ่าตัดหลังแบบแผลเล็ก”
หรือเรียกอย่างย่อว่า “MIS” ซึ่งเป็นเทคนิคที่ต่างจากการผ่าตัดที่ใช้กันมาก่อนโดยการเปิดแผลขนาดประมาณ
5 – 10 ซม.เพื่อให้มีช่องทางที่ใหญ่พอสำหรับการรักษา แต่การผ่าตัดในปัจจุบันได้มีทางเลือกด้วยเทคนิคใหม่ดังกล่าวคือ
“การผ่าตัดหลังแบบแผลเล็ก” ซึ่งใช้อุปกรณ์และเทคนิคพิเศษอันเป็นผลดีโดยแผลผ่าตัดได้ลดขนาดเหลือ
2-3 ซม. ทำใผู้ป่วยเสียเลือดระหว่างการผ่าตัดน้อยลง จึงช่วยให้ฟื้นตัวได้ไวกว่า
กลับบ้านได้เร็วขึ้น...ทำให้ผู้ป่วยรายนี้ตอบรับการรักษาด้วย เทคนิคผ่าตัดหลังแบบแผลเล็ก
MIS ในวันนั้นเลย...ซึ่งหลังจากการผ่าตัดผ่านพ้นไปแล้ว
“คุณชัยธรรมวุฒิ” กล่าวอย่างชัดเจนว่า
“...ความคิดเรื่องการผ่าตัดหลังเปลี่ยนไปเลยตั้งแต่รักษาครั้งนี้เพราะไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิดเลย
ออกจากห้องผ่าตัดและรู้สึกตัวขึ้นมาก็รู้เลยว่าอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ที่สำคัญคือผมฟื้นตัวเร็วมาก แผลจากการผ่าตัดก็เล็กนิดเดียว นอนโรงพยาบาล 2
คืนก็กลับบ้านได้แล้ว
จากนั้นก็พักรักษาตัวที่บ้านแค่ครึ่งเดือนผมก็พร้อมที่จะออกไปใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว...เรียกว่าตอนนี้ผมปกติดีขึ้นมากแล้วครับ
ช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง ไม่มีอาการปวดหลัง หรือปวดร้าวไปที่ขาอีกแล้ว
ที่สำคัญสามารถกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวอย่างมีความสุขอีกครั้ง
ต้องขอขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ดูแลผมตลอดการรักษาที่ รพ.ลานนา
แห่งนี้ครับ”
“หมอจอแก้ว”
เชื่อแน่ว่ายังมีชาวเหนืออีกจำนวนไม่น้อยที่ยอมทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดหลังอันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุรวมทั้งจากปัญหาหมอนรองกระดูกแตก
หรือ เคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทดังที่ “คุณชัยธรรมวุฒิ”
ได้เจอมาแล้วและไม่มีทางฟื้นคืนกลับได้ดังเดิมหากไม่ได้รับการบำบัดรักษาอย่างถูกวิธี...โชคดีที่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการแพทย์ได้เข้ามามีส่วนอย่างมากในการช่วยให้เรา
ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายได้มี “ที่พึ่ง” ทำให้คุณหมอมี “เครื่องมือใหม่ ๆ “ มาช่วยแก้ปัญหาอาการปวดหลังให้ผู้ป่วยทั้งหลายได้อย่างสะดวกและเจ็บตัวน้อยลง...
รพ.ลานนา
จ.เชียงใหม่ ฝากย้ำไว้เลยว่า...”อย่ายอมทนทุกข์ทรมานเพราะอาการปวดหลังต่อไปโดยเด็ดขาด
รีบไปปรึกษาคุณหมอเร็วที่สุดเป็นดีที่สุด...”