รพ.ลานนา ใช้เทคโนโลยีผ่าตัดส่องกล้อง
ขจัดปัญหาที่ต่อมไทรอยด์แบบไร้แผลเป็น
ถูกใจผู้ป่วยที่รักสวยรักงาม...

เมื่อได้ทราบอย่างนั้นแล้ว
“คุณเขมจิรา” จึงรีบปรึกษากับคุณหมอเพื่อบำบัดรักษาโดยหวังสกัดเรื่องร้าย
ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันการ
และวิธีเดียวที่จะกำจัดถุงซีสต์น้ำที่ต่อมไทรอยด์ออกนั้นหนีไม่พ้นต้องเข้ารับการ “ผ่าตัด”
ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับหญิงสาวที่มีใจรักความสวยความงามเป็นทุนอย่าง
“คุณเขมจิรา”
ก็ย่อมต้องเกิดอาการหวาดผวาขึ้นมาไม่น้อยเมื่อนึกเห็นภาพลำคอของตัวเองต้องมี “รอยแผลเป็น”
เป็นแนวยาวมาประดับไว้หลังการผ่าตัดจนทำให้เจ้าตัวมีอันต้อง “เสียเซลฟ์”
ในที่สุด...!!!
และที่เจ้าตัวนึกเห็นภาพแบบนั้นก็เพราะยังยึดติดอยู่กับข้อมูลเดิมที่เกิดขึ้นในอดีตหลังจากผู้ป่วยผ่านการผ่าตัดไทรอยด์เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะมีรอยแผลเป็นคาอยู่ที่ลำคอตลอดไปนั่นเอง
“หมอจอแก้ว”
เชื่อเหลือเกินว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังมีรู้สึกหรือทัศนคติแบบเดียวกันกับคุณผู้ป่วยหญิงรายนี้เพราะเป็นเรื่องที่เคยเล่าสู่กันมาตั้งแต่อดีต...แม้ว่าที่จริงแล้วเทคโนโลยีการผ่าตัดรักษาต่อมไทรอยด์ในปัจจุบันจะได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงโดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องมาพะวงกับรอยแผลเป็นแนวยาวที่ลำคออีกต่อไป
ซึ่งในกรณีของ “คุณเขมจิรา” นั้น ศูนย์ศัลยกรรมส่องกล้อง
โรงพยาบาลลานนา โดย นพ.ราชันย์พัทธ์ วรเวชานนท์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการส่องกล้อง
ได้อาศัยประโยชน์จาก “เทคโนโลยีการรักษาด้วยการส่องกล้องผ่านช่องปากแบบไร้แผลเป็น”
(Transoral
Endoscopic Thyroidectomy) มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาทั้งจาก
โรคไทรอยด์, คอพอก ทั้งนี้โดย “คุณหมอราชันย์พัทธ์” ได้อธิบายถึงความแตกต่างและข้อดีในการรักษาด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดแบบส่องกล้องแบบนี้ว่า
เป็นการผ่าตัดผ่านช่องปากโดยเปิดรูเล็กประมาณ 1-2 ซ.ม. สำหรับสอดอุปกรณ์กล้องขนาดจิ๋วและเครื่องมือผ่าตัดพิเศษด้วยการเลาะไปใต้ผิวหนังลงไปถึงบริเวณต่อมไทรอยด์ที่มีปัญหาออก ซึ่งวิธีการเปิดแผลภายในช่องปากนี้จะช่วยให้มีการสมานแผลได้ดีกว่าเปิดแผลภายนอก
ช่วยลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อได้มาก เสียเลือดน้อยกว่า ที่สำคัญคือผู้ป่วยไม่มีแผลเป็นภายนอกเลย
จึงกล่าวได้ว่าเป็นจุดเด่นของการรักษาที่แตกต่างจากการผ่าตัดแบบเปิดเช่นในอดีต
ซึ่งหนีไม่พ้นต้องเกิดรอยแผลเป็นบริเวณลำคอของผู้ป่วยเป็นแนวยาวราว ๆ 8–10 ซ.ม.
“ดิฉันพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ
2 คืนก็กลับบ้านได้แล้ว และพักรักษาตัวไม่กี่อาทิตย์ตามคำแนะนำ ของคุณหมอ
ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วค่ะ เพื่อนๆ หรือคนใกล้ตัวก็ทักว่า
ไม่เหมือนไปผ่าตัดมาเลย เพราะไม่มีแผลเป็นให้เห็นเลย
ซึ่งก็ทำให้ดิฉันกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจอีกครั้งหนึ่ง...บอกได้เลยว่าคิดไม่ผิดที่เลือกรักษาด้วยวิธีการนี้...”
เป็นอันว่ามีคุณผู้ป่วยหญิงมาช่วยปิดท้ายฉบับนี้ให้จบอย่างลงตัวแล้ว พบกันใหม่ในฉบับวันพุธถัดไปนะครับ