ปล่อยคาไว้มานานกว่าจะรู้ว่าฤทธิ์ “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”
ทานยาก็แล้ว...ทำกายภาพก็แล้ว...เพียงแต่ทำบ้าง-ไม่ทำบ้างตามแต่จะมีเวลา
ทำให้อาการปวดที่เกิดขึ้นยังคงรบกวนการใช้ชีวิตตลอดมาและยิ่งปล่อยไว้นานเข้าก็ยิ่งปวดและชาลงขาหนักขึ้นทุกขณะ
จนท้ายที่สุดต้องลางานกลับมาพักที่บ้านในเชียงใหม่ อาการปวดได้รุนแรงขึ้น ถึงขนาดลุกจากที่นอนไม่ได้ด้วยตัวเองเป็นผลให้คนใกล้ตัวรีบนำส่งไปที่
“โรงพยาบาลลานนา” จึงช่วยให้ปัญหาหนักในชีวิตวัย 28 ปีได้สลายหายไปหลังจากที่ได้รับการรักษาด้วย
“การผ่าตัด” และพักฟื้นอยู่ที่บ้านอีกราว 2 สัปดาห์จึงสามารถกลับไปปฏิบัติภารกิจประจำได้อย่างสบายมาจนถึงวันนี้....
นี่คือเรื่องราวที่ “คุณกุลพัทธ์ กิติทรัพย์” ได้เผยให้ทีมงาน “อุ่นใจ...ใกล้หมอ”
ได้รับรู้ถึงประสบการณ์ที่สร้างความทรมานให้กับเจ้าตัวชนิดที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าด้วยวัยของตัวเองที่มีตัวเลขนำหน้าอายุยังไม่ถึงเลข
3 จะต้องมาเผชิญกับความเจ็บปวดรวดร้าวที่มีเหตุจาก “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”
ถึงกับต้องไปเข้ารับการรักษาด้วย “การผ่าตัด” ดังที่ระบุมานี้
ความกระจ่างหลังจากการตรวจ-รักษา
จากลักษณะอาการที่ผู้ป่วยรายนี้ได้เผยแก่คุณหมอเจ้าของไข้
คือ... “นพ.ภาสกร อุปโยคิน แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ
ประจำศูนย์โรคปวดหลัง โรงพยาบาลลานนา” ได้อธิบายถึงกรณีที่ผู้ป่วยเกิดอาการปวดเรื้อรัง
เป็น ๆ หาย ๆ หรือการรักษาในเบื้องต้นไม่ดีขึ้น การตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ส่งผลให้ “คุณกุลพัทธ์” ได้เข้ารับการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า MRI ที่สามารถแสดงภาพชัดเจนแบบ
3 มิติซึ่งช่วยให้เห็นถึงเส้นประสาทไขสันหลัง เส้นประสาทในร่างกาย หมอนรองกระดูก
กล้ามเนื้อ เส้นเลือด ไขสันหลัง โรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่กระดูกสันหลังของผู้ป่วยได้อย่างละเอียด
ซึ่งจากกรณีของผู้ป่วยรายนี้คุณหมอพบว่าเกิดจากภาวะ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทสันหลัง
ถึง 2 ข้อด้วยกันอันเป็นข้อยืนยันถึงสาเหตุที่ชัดเจน อันเป็นผลให้
“คุณหมอภาสกร” ผู้ทำการตรวจ สามารถวางแผนการรักษาโรคต่อไป ซึ่งผลสุดท้ายหลังจากที่การรักษาขั้นต้นไม่ดีขึ้นก็จำเป็นที่คุณหมอต้องแนะนำผู้ป่วยให้รับรักษาโดยการผ่าตัดเอาส่วนที่เกิดการกดทับเส้นประสาทออกและเป็นทางเลือกที่จะทำให้ผู้ป่วยพ้นจากความปวดสุดทรมานที่เกิดขึ้น
แต่ด้วยความที่ผู้ป่วยรายนี้เผยกับคุณหมอถึงความจำเป็นเรื่องหน้าที่การงานและความรับผิดชอบที่เจ้าตัวไม่อยากนอนพักอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานานหลายวัน
หรือรวมถึงการที่ต้องหยุดงานเป็นเดือน คุณหมอจึงแนะนำการผ่าตัดหลังแบบแผลเล็ก
หรือ MIS เป็นทางเลือกในการรักษาโรคปวดหลังในปัจจุบัน...
ข้อดี-จุดเด่นจากเทคโนฯ ก้าวหน้าทางการแพทย์
ผู้ป่วยหลายต่อหลายรายที่ได้ยินคำว่า
“ผ่าตัด” มักออกอาการ “หน้าเบ้”
เพราะความรู้สึกส่วนตัวแล้วถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครก็หวาดหวั่น ซึ่ง “คุณหมอภาสกร”
ได้ให้ข้อมูลเพื่อคลายความกังวลโดยระบุว่า
“...แม้จะเคยได้ยินข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับการผ่าตัดหลังในอดีต
เช่นว่า ผ่าตัดหลังเสร็จแล้วคงอีกนานกว่าจะทำงานได้เหมือนเดิม หรือผ่าแล้วอาจจะกลายเป็นอัมพฤกษ์
อัมพาตได้ รวมทั้งผู้ที่เคยเห็นภาพรอยแผลแนวยาวที่หลังแล้วมองว่าน่ากลัว
ทำให้ใครหลายคนเข็ดขยาดกับการผ่าตัด...แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันได้มีส่วนอย่างมากสำหรับ
“ศูนย์โรคปวดหลัง โรงพยาบาลลานนา” ในการนำ “เทคโนโลยีผ่าตัดหลังแบบแผลเล็ก”
หรือ MIS (Minimal Invasive
Surgery) มาใช้รักษากับผู้ป่วยโรคปวดหลัง
โดยแพทย์จะใช้กล้องส่องขยายที่แสดงภาพให้แพทย์เห็นอย่างชัดเจน จึงสามารถนำเอาเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูกที่กดทับและชิ้นส่วนเล็ก
ๆ ออกมาได้... และด้วยการอาศัยเทคโนโลยีที่ว่านี้จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีแผลขนาด 2-3
ซม. และเสียเลือดระหว่างการผ่าตัดน้อยกว่าการผ่าตัดหลังแบบเปิดที่เป็นมาตรฐานเดิม
ทั้งนี้ผลดีอื่น ๆ ที่ตามมาได้แก่การลดภาวะติดเชื้อจากการผ่าตัด กล้ามเนื้อบอบช้ำน้อย
พักฟื้นไม่นานก็กลับบ้านได้....นั่นจึงเป็นข้อดีและความแตกต่างซึ่งทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ไวกว่า
และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้นนั่นเอง...”
หลังจากได้ฟังคำอธิบายจนเป็นที่เข้าใจแล้ว “คุณกุลพัทธ์” ได้ตัดสินใจให้ “คุณหมอภาสกร” พาไปเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลลานนาโดยไม่รอให้เกิดความทรมานอีกต่อไป
และหลังจากผ่านพ้นทุกขั้นตอนการรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เจ้าตัวได้เผยให้ทีมงาน "อุ่นใจ...ใกล้หมอ”
ได้ทราบด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความปลื้มปิติอย่างเห็นได้ชัดโดยระบุว่า
“...ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรกของผมเลยครับ ตอนที่ออกจากห้องผ่าตัดมาใหม่
ๆ ก็ยังมีอาการเจ็บแผลบ้างตามอาการ แต่รู้สึกว่าอาการปวดขา
หรืออาการชาร้าวลงขาได้หายไป ซึ่งผมก็นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพียง 3 คืน
ก็กลับบ้านได้แล้ว แถมยังมีแผลเป็นขนาดเล็กและกลับไปทำงาน ได้หลังจากนั้นประมาณ 2
อาทิตย์...ต้องขอขอบคุณคุณหมอ เจ้าหน้าที่พยาบาลทุกๆ
ท่านที่ช่วยดูแลผมตลอดการรักษาที่นี่ครับ”
นี่เป็นอีกตัวอย่างแสดงถึงกรณีของ “ศูนย์โรคปวดหลัง
โรงพยาบาลลานนา” กับความรับผิดชอบในการช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีก้าวหน้าทางการแพทย์จนสามารถพ้นจากอาการป่วยและสามารถฟื้นคืนกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติในเร็ววัน...
“หมอจอแก้ว” จึงขอนำมาเผยแพร่ให้ได้รับทราบกันไว้เป็นข้อมูลครับ