ยังไม่ถึงวัยเกษียณ แต่ “ความเสื่อม” มาเยือนแล้ว!!
ต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับความปวดเข่ามาตั้งแต่มีอายุ
49 ปี ทำให้ “คุณเพิน ชมเชย”
ผู้เจอปัญหาอันเนื่องมาจากความเสื่อมถอยของร่างกายโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ต้องไปเข้ารับการรักษาเรื่อยมาแต่ไม่ปรากฏว่าอาการจะดีขึ้นแต่อย่างใดไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยการทานยาหรือฉีดยารักษาแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้อาการปวดเข่าที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยหญิงวัย
53 ปีรายนี้ได้ทุเลาเบาบางลงแต่อย่างใด ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งปวดเข่ามากขึ้นจนเจ้าตัวไม่อาจรับได้
จึงตัดสินใจไปปรึกษาคุณหมอที่
“ศูนย์โรคปวดเข่า
โรงพยาบาลลานนา” โดยได้เผยเรื่องราวที่สร้างความทรมานให้ทีมงาน “อุ่นใจ...ใกล้หมอ”
ได้เก็บบันทึกมาเป็น “กรณีศึกษา” สำหรับผู้ป่วยรายอื่น ๆ จะได้ทราบไว้เป็นข้อมูลสำหรับแก้ปัญหาที่อาจต้องเผชิญต่อไปในวันข้างหน้า
โดยระบุว่า
“...เริ่มแรกอาการปวดเข่ายังมีไม่มาก จึงคิดว่ามาจากการทำงานที่ต้องยืนนาน ๆ หรือต้องเดินบ่อย ๆ วิธีบรรเทาอาการของดิฉันเบื้องต้นก็ทำด้วยการนั่งพัก เมื่ออาการทุเลาลงแล้วจึงจะเริ่มทำงานต่อไป แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปอาการปวดเข่าก็ยังคงรบกวนการใช้ชีวิตอยู่เหมือนเดิม แถมยังเป็นหนักขึ้นอีกด้วยโดยได้เจอทั้งอาการเจ็บปวดหัวเข่าเวลาที่ต้องทำงาน หรือเดินบ่อย ๆ แถมยังได้ยินเสียงลั่นภายในหัวเข่าบ่อยครั้ง...เคยไปปรึกษาคุณหมอที่อื่นมาก่อนจึงทราบว่าเป็นเพราะข้อเข่าเสื่อม ซึ่งก็ได้รับการรักษาทั้งในแง่การปรับพฤติกรรม การกินยา และการทำกายภาพบำบัดระยะหนึ่งแล้ว แต่อาการไม่ดีขึ้น คุณหมอจึงได้พิจารณาให้ทำการฉีดน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่า ซึ่งเป็นเสมือนเป็นการเพิ่มน้ำไขข้อไปช่วยหล่อเลี้ยงให้เกิดการหล่อลื่นและเพิ่มความหนืด ลดการเสียดสี ซึ่งก็ช่วยบรรเทาความรุนแรงของโรคได้ในระดับหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดหลังจากผ่านไปหลายปีและใช้วิธีรักษาหลายอย่างแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้นในระยะยาวทำให้ต้องตัดสินใจมาที่ “ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา” จึงได้รับการตรวจ-รักษาด้วยการผ่าตัดและมีผลน่าพอใจมากค่ะ...”
หลายปัจจัยต้นตอของ “โรคข้อเข่าเสื่อม”!!!
คุณหมอผู้ดูแลรักษา
“คุณเพิน” คือ “นพ.ภาสกร
อุปโยคิน แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ” ประจำ “โรงพยาบาลลานนา”
ได้อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับ “โรคข้อเข่าเสื่อม”
เป็นอันดับแรกโดยระบุว่า
“...โรคนี้ส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งจริง ๆ แล้วต้องยอมรับว่าในปัจจุบันโรคข้อเข่าเสื่อม ก็สามารถเกิดขึ้นกับคนวัยทำงานได้เช่นกัน แม้ว่าสาเหตุของข้อเข่าเสื่อมนั้นหลัก ๆ แล้วจะมาจากอายุที่มากขึ้น มีการใช้งานมานานจึงทำให้เกิดโรคได้ แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดโรคได้ ทั้งเรื่องของน้ำหนักตัวที่มากจนเกินไปทำให้ข้อเสื่อมเร็ว, การใช้ข้อเข่านั่งยอง ๆ หรือนั่งในท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ ก็เป็นสาเหตุร่วมด้วย และยังพบอีกว่าอาการข้อเข่าเสื่อมมักจะพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอีกด้วยครับ...และสำหรับในกรณีของ “คุณเพิน” นั้นหลังจากที่ได้พูดคุยสอบถามอาการแล้วพบว่ามีอาการของโรคเข่าเสื่อมมานานหลายปี แม้จะรักษามาเบื้องต้นแต่ก็ยังไม่ดีขึ้นจึงได้ตรวจเอกซเรย์เพิ่มเติมก็พบว่ามีทั้งกระดูกอ่อน ผิวข้อเข่า รวมทั้งน้ำเลี้ยงข้อเข่ามีปัญหาค่อนข้างมากทั้งสองข้าง จึงได้แนะนำให้เข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมซึ่งน่าจะเป็นวิธีสุดท้ายและเป็นวิธีที่ได้ผล เพื่อจะได้หายจากความปวดทรมานจากโรคนี้ครับ...”
ไม่ใช่แค่ “ผ่าตัด” แต่คุณหมอจะดูแลสภาพโดยรอบด้วย...
หากจะกล่าวถึง
“ภาพรวมของการรักษา” ภาวะอาการอันเกิดจาก “โรคข้อเข่าเสื่อม”
ดังเช่นกรณีของ “คุณเพิน” นั้น
“คุณหมอภาสกร” ได้อธิบายว่าด้วยเทคโนโลยีความรู้
และทักษะของแพทย์ในปัจจุบันที่ “ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา” นำมาให้ดูแลบริการมีส่วนเสริมสร้างศักยภาพในการรักษาให้สามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดเอาผิวข้อที่เสื่อมสภาพออกให้หมด
แล้วใส่ผิวข้อใหม่ ซึ่งทำมาจากวัสดุพิเศษทางการแพทย์ที่มีความแข็งแรงทนทาน โดยที่ไม่เพียงแค่การนำกระดูกที่เสื่อมออกเท่านั้นหากแต่แพทย์จะต้องปรับความตึงหรือหย่อนของเนื้อเยื่อรอบข้อเข่า
เพื่อให้ขามีรูปร่างปกติ ไม่โก่งผิดรูป ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก
เพราะตำแหน่งของข้อเข่าที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ดีจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์อย่างมากอันจะนำมาซึ่งประสิทธิผลสูงสุดของการบำบัดรักษา