นึกไม่ถึงว่า “มัจจุราชเงียบ” เล่นงาน
ผู้ป่วยแฉนาที “เฉียดตาย”
รพ.ลานนา เชียงใหม่ ใช้เทคโนฯ ขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านข้อมือไม่ผ่าตัด
เกิดอาการทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีประวัติโรคหัวใจ!!
อาการเจ็บหน้าอกแบบแน่น
ๆ...จุกเหมือนมีอะไรมากดทับที่หน้าอกด้านซ้ายค่อนมาตรงกลางเกิดขึ้นกับ “คุณสัมฤทธิ์ ใจมา” ชาวเชียงใหม่วัย 51 ปี โดยที่เจ้าตัวไม่เคยมีประวัติการป่วยเป็นโรคหัวใจมาก่อน
อีกทั้งยังไม่เคยเกิดความผิดปกติให้สังเกตได้แม้แต่อย่างเดียว สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป
จนกระทั่งเกิดอาการอย่างที่เกริ่นนำไว้ตอนแรกและหนักขึ้น จนสุดทน
โชคดีที่ญาติรีบนำส่งไป “โรงพยาบาลลานนา”
และได้รับการตรวจ-รักษาทันการจึงรอดพ้นอันตรายจากภาวะ “หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน”
อย่างหวุดหวิด โดย “คุณสัมฤทธิ์” ได้เผยถึงประสบการณ์ครั้งนี้ว่า
“...ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรให้เราสังเกตได้
ยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป จนมาเมื่อช่วงต้นปีนี้ผมได้ไปช่วยงานยกของซึ่งต้องออกแรงเยอะจนรู้สึกปวดชาตามลำตัว
แต่ก็คิดว่าคงมาจากการยกของหนักจนกล้ามเนื้ออาจจะอักเสบทำให้มีอาการเจ็บปวดตามมา
ซึ่งผมได้หาทางบรรเทาอาการของตัวเองด้วยการซื้อยาหม่องมาทา ซื้อยาหอมมาทาน
แต่อาการไม่ได้ดีขึ้น และยังคงมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ก็ปล่อยไว้โดยไม่คิดอะไรมากจนถึงวันที่เข้ามาทำธุระในตัวเมืองเชียงใหม่
ผมเริ่มมีอาการชาบริเวณเดิม มีแน่นหน้าอกด้วย ซึ่งก็ใช้ยาบรรเทาอาการเรื่อยมา แต่แม้ว่าเวลาจะผ่านไปอาการที่เป็นอยู่ก็ไม่หาย
แถมยังรู้สึกว่าเป็นหนักมากขึ้นอีกด้วย จนต้องขอให้ญาติพาไปส่งที่โรงพยาบาลลานนา
เพื่อให้คุณหมอหาสาเหตุให้ได้โดยเร็ว และเมื่อถึงโรงพยาบาลก็ได้เข้าห้องฉุกเฉิน
โดยที่ขณะนั้นผมก็รู้สึกว่าอาการแย่ลงไปทุกที ยิ่งขยับตัวก็ยิ่งแน่นหน้าอก
เริ่มหายใจไม่ออก รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก...”
ใครไม่เคยเจอประสบการณ์แบบเดียวกับผู้ป่วยรายนี้มาก่อนก็อาจไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ดีไม่ดีก็อาจเรียกใครมาช่วยบีบนวด เพื่อให้อาการแน่นหน้าอกทุเลาเบาบางลง...เพราะฉะนั้นต้องติดตามเรื่องราวที่เกิดกับผู้ป่วยชาวเชียงใหม่รายนี้ต่อไปนะครับ
จะได้เป็นอุทาหรณ์สอนตัวเองและคนข้างเคียงเพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้า
รักษาโดยแพทย์เฉพาะทางฯ-มัณฑนากรหลอดเลือดหัวใจ
ด้วยการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือ
หลังจากที่ “โรงพยาบาลลานนา” ได้รับตัวผู้ป่วยรายนี้แล้วคุณหมอได้ทำการตรวจวินิจฉัยกราฟการเต้นหัวใจ ด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) และพบความผิดปกติบางอย่างจึงส่งไปเข้ารับการตรวจโดย “นพ.รัตนชัย ชาญชัย แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคหัวใจ และมัณฑนากรหลอดเลือดหัวใจ” ประจำ “ศูนย์บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ โรงพยาบาลลานนา” และหลังจากตรวจเบื้องต้นแล้วคุณหมอสงสัยว่าผู้ป่วยจะมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน จึงได้รีบนำเข้าห้องปฏิบัติการสวนหัวใจเพื่อฉีดสีประเมินดูว่าผู้ป่วยมีภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ-ตันในตำแหน่งใด ซึ่งผลตรวจก็เป็นไปตามคาดคือผู้ป่วยมีภาวะ “หลอดเลือดหัวใจตีบและตัน” อันเป็นที่มาของการเกิดอาการดังกล่าว และจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรีบทำการรักษาอย่างเร่งด่วนเพราะหากปล่อยไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายรุนแรงแก่ผู้ป่วยในที่สุด ทั้งนี้ “คุณหมอรัตนชัย” ได้แนะนำ “คุณสัมฤทธิ์” พร้อมกับอธิบายถึงขั้นตอนการให้รักษาด้วยการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือดังนี้
“...แพทย์มัณฑนากรหลอดเลือดหัวใจ จะทำการใส่สายท่อนำร่องขนาดเล็กเข้าทางหลอดเลือดแดงผ่านทางข้อมือของผู้ป่วย แล้วใส่สวนท่อเข้าไปตามหลอดเลือดไปถึงตำแหน่งของหลอดเลือดหัวใจ ฉีดสีเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจหาตำแหน่งที่ตีบ-ตัน การรักษาจะเหมือนกัน เป็นการใส่ลวดเส้นเล็กๆ ผ่านจุดตีบ-ตัน ตามด้วยบอลลูนก็ต่อสายบอลลูนเข้ากับเครื่องมือที่อยู่ภายนอกร่างกาย เพื่อดันให้บอลลูนขยายออก เบียดคราบไขมันหินปูนที่เกาะอยู่ที่ผนังหลอดเลือดให้ยุบแบนลงและขยายหลอดเลือดให้กว้างออก เพื่อให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ มักจะใช้โครงขดลวดเล็กๆ ที่เรียกว่า stent ตามไปยึดตรึงติดกับผนังหลอดเลือด เพื่อขยายหรือทำให้หลอดเลือดหัวใจบริเวณที่ตีบถ่างออก และป้องกันไม่ให้ตีบซ้ำ ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้ดีขึ้น”
ซึ่งเทคนิคการทำบอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านทางข้อมือ จะมีความปลอดภัยกว่าการสอดเข้าทางขาหนีบ เนื่องจากหลอดเลือดอยู่ตื้น ไม่มีอวัยวะใกล้เคียงที่มีโอกาสบาดเจ็บ และแพทย์สามารถทำการหยุดเลือดหลังจากเอาอุปกรณ์ออกได้ง่ายกว่า โดยมีแผลขนาดเล็กมากที่บริเวณข้อมือ ผู้ป่วยไม่ต้องนอนขาเหยียดตรงหลายชั่วโมง หลังทำการตรวจและรักษาสามารถลุกเข้าห้องน้ำ และนั่งรับประทานอาหารได้ทันที จึงทำให้ระยะเวลาในการพักฟื้นที่โรงพยาบาลสั้น และกลับไปดำเนินชีวิตตามปกติได้ไว
ผู้ป่วยเผย...การรักษาไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
ประเด็นที่ “คุณสัมฤทธิ์” ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่โชคดีได้เปิดใจกล่าวถึงหลังการรักษาก็คือ
“...ครั้งแรกที่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรคหัวใจ ก็แอบใจหายไปบ้าง
เพราะเราไม่ทราบเลยว่าตัวเองมีภาวะนี้แฝงอยู่
แถมยังมารักษาแบบผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินอีกด้วย หากไม่ได้มารักษาที่โรงพยาบาลลานนา
ก็อาจจะมีอันตรายมากกว่านี้ก็เป็นได้
โดยการรักษาโรคหัวใจด้วยการขยายหลอดเลือดหัวใจผ่านข้อมือของผมในครั้งนี้
ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย เพราะผมรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาการรักษา
และใช้เวลาไม่นานเลย ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการมาโรงพยาบาลในครั้งนี้เอง
ทำให้ผมต้องตระหนักถึงเรื่องของสุขภาพให้มากขึ้น และคงต้องลด ละ เลิก
ความเสี่ยงต่างๆ ที่เป็นตัวการให้ผมต้องเจอปัญหาของโรคหัวใจ
ทั้งการดื่มเหล้าเบียร์ การสูบบุหรี่ รวมทั้งการทานอาหาร
และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันไม่ให้โรคหัวใจกลับมาหาผมอีกครั้งหนึ่ง...ซึ่งผมต้องขอขอบคุณ
คุณหมอรัตนชัย ชาญชัย และเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำศูนย์บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจ
โรงพยาบาลลานนา ทุกท่านที่ได้ดูแลผมระหว่างเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลลานนาครับ...”