เจ้าตัวข้องใจป่วยด้วยโรคนี้ได้อย่างไร?!?!
น่าตกใจแทนคุณผู้หญิงชาวเหนือรายนี้ที่ได้เผชิญกับ
“โรคนรีเวช” ที่แอบเข้ามาเติบโตอยู่ในรังไข่อย่างเงียบเชียบโดยไม่ออกอาการผิดปกติให้เจ้าตัวรู้สึกแม้แต่น้อย
มาเอะใจก็ต่อเมื่อเห็นได้ชัดแล้วว่า “ท้องโตเหมือนลงพุง”
จึงรีบไปพึ่งพาหาคุณหมอที่ “โรงพยาบาลลานนา”
และหลังจากได้รับการตรวจอย่างละเอียดจึงได้รับรู้ด้วยความตกใจและประหลาดใจระคนกัน
โดยคุณผู้หญิงผู้มีนามว่า “สุภาพร จันทา” อายุ 29
ปีเป็นผู้เผยเรื่องนี้ด้วยตัวเองเล่าว่า
“...ไม่คิดเลยว่าจะมีเนื้องอกในรังไข่เพราะในระยะแรกไม่มีอาการใด
ๆ ให้รู้สึก หรือบ่งบอกว่าเรามีเนื้องอกอยู่ข้างใน ซึ่งเราก็ไม่รู้ตัวเองหรอกว่ามีอะไรผิดปกติภายในจนก่อนที่จะมาโรงพยาบาลได้สังเกตเห็นว่าหน้าท้องตัวเองโตขึ้นแต่ก็คิดว่าอาจเป็นเพราะเราอ้วนลงพุง
แต่เวลาผ่านไปเป็นเดือนก็ไม่เห็นว่าท้องจะยุบลงก็เลยไปปรึกษาหมอ พอไปตรวจที่แรกก็วินิจฉัยว่าน่าจะเกิดจากท้องอืด
ท้องเฟ้อ จึงให้ยามาทาน อีกราว ๆ 2 อาทิตย์หลังจากทานยาหมดแล้ว ท้องก็ยังไม่ยุบอยู่ดี
ทำให้เริ่มคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติอยู่ข้างในแล้ว จึงตัดสินใจไปปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางที่โรงพยาบาลลานนาโดยเร็วดีกว่า...หลังจากเล่าอาการให้คุณหมอฟังแล้วคุณหมอได้ตรวจคลำบริเวณหน้าท้องตรงบริเวณที่พองโตออกมา
จากนั้นก็ได้ตรวจโดยอัลตร้าซาวด์จึงพบก้อนขนาดใหญ่บริเวณรังไข่ ซึ่งจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด...แต่ที่สงสัยก็คือ...เราป่วยเป็นโรคนี้ได้อย่างไร?...”
คำอธิบายจากคุณหมอผู้ชำนาญการผู้ที่จะช่วยคลี่คลายความข้องใจให้ “คุณสุภาพร” รวมทั้งคุณผู้หญิงท่านอื่น ๆ
ก็คือ
“พญ.ภัทรามาสเลิศชีวกานต์...แพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูตินรีเวช”
ประจำ “ศูนย์ส่องกล้องผ่าตัดแผลเล็ก
มดลูก-รังไข่...โรงพยาบาลลานนา” ซึ่งได้อธิบายเกี่ยวกับปัญหาเนื้องอกในมดลูกของคุณผู้หญิงว่า
“เนื้องอกรังไข่ เป็นเนื้องอกที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
ซึ่งเนื้องอกรังไข่มีหลายชนิดทั้งชนิดถุงน้ำ (Cyst) เป็นเนื้องอก
ที่มีลักษณะเป็นถุง ภายในบรรจุของเหลว ,เนื้องอกธรรมดา หรือชนิดไม่ร้ายแรง
(Benign) และเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็ง (Malignant)
ซึ่งเนื้องอกรังไข่ สาเหตุของการเกิดยังไม่ทราบชัดเจน และส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ
อาจจะมีขนาดเล็กจนกระทั่งขนาดใหญ่มาก จนทำให้มีท้องโตขึ้นและอืดแน่นท้องได้
...เช่นเดียวกับกับเคสผู้ป่วยรายนี้ที่พบขนาดของเนื้องอกขนาดใหญ่บริเวณรังไข่ ประมาณ 20 กว่าเซนติเมตร
แถมหนักกว่า 2 กิโลกรัม
จึงแนะนำให้ผู้ป่วยรายนี้รับการรักษาโดยการผ่าตัดแบบส่องกล้องค่ะ...”
จากนั้น
“คุณหมอภัทรามาส”
ได้สรุปถึงความก้าวหน้าในวงการแพทย์ปัจจุบันได้ช่วยให้เกิดการพัฒนาทั้งในด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์และเครื่องมือการรักษาที่ทันสมัยรวมถึงการผ่าตัดโดยใช้กล้องเข้ามาช่วยในการรักษา
โดยการรักษาแบบส่องกล้องนี้ แพทย์จะเจาะรูขนาดเล็กประมาณ 0.5-1
ซ.ม.ผ่านทางช่องท้องหรือผิวหนังใกล้อวัยวะที่ต้องการผ่าตัดจำนวน 1-3
รู เพื่อสอดเครื่องมือและกล้องขนาดเล็กเข้าไปเพื่อให้แพทย์เห็นบริเวณที่ต้องการผ่าตัดได้จากสัญญาณภาพที่ปรากฏบนหน้าจอรับภาพได้อย่างชัดเจน
ส่งผลให้การผ่าตัดมีความเที่ยงตรงและแม่นยำโดยไม่กระทบต่ออวัยวะอื่นในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องเหมือนดังเช่นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
โดยคุณหมอได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า
“...ข้อดีของการผ่าตัดเนื้องอกที่รังไข่ด้วยการส่องกล้องคือ แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก จึงกระทบต่ออวัยวะภายในน้อยลงมาก เสียเลือดน้อยเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเดิม ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนและลดการติดเชื้อหลังการผ่าตัด โอกาสเกิดพังผืดหลังการผ่าตัดก็น้อย ช่วยให้ผู้ป่วยเจ็บตัวน้อย หายได้ไว ฟื้นตัวเร็ว ใช้เวลาพักฟื้นไม่นานก็สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้ อีกประการที่สำคัญคือในด้านความสวยงาม ผู้ป่วยจะมีเพียงแผลขนาดเล็ก ที่หน้าท้องน้อยเพียง 1-3 แผล ไม่เหมือนการผ่าตัดแบบเปิดที่จะต้องมีรอยแผลเป็นแนวยาวตรงหน้าท้องน้อย อันอาจนำมาซึ่งความไม่มั่นใจให้กับคุณผู้หญิงหลังจากที่ผ่านการผ่าตัดไปแล้วด้วยค่ะ...”
ความห่วงใยจากคุณหมอ...เสียงสะท้อนจากผู้ป่วย
ยังมีประเด็นที่ “คุณหมอภัทรามาส”
แสดงความห่วงใยมาพร้อมกันนี้ด้วยก็คือ ผู้ป่วยด้วยโรคเนื้องอกในรังไข่ส่วนใหญ่มักไม่ใส่ใจไปตรวจ
เพราะคิดว่าเป็นแค่อาการปวดประจำเดือนธรรมดา ยิ่งกว่านั้นในบางรายก็มีความเขินอายในการที่ต้องไปให้แพทย์ตรวจภายใน
ซึ่งแม้ว่าอาการโรคเนื้องอกในรังไข่จะไม่มีอันตรายถึงชีวิต
แต่ก็มีโอกาสพัฒนากลายเป็นเนื้อร้ายได้ในอนาคต
คุณหมอจึงได้กล่าวย้ำในกรณีเช่นนี้ว่า
“...ขอให้สาว ๆ หมั่นสังเกตอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติของประจำเดือน ปัสสาวะบ่อยขึ้น ท้องผูก
ท้องโตขึ้น อืดแน่นท้อง หรืออาการปวดท้องเฉียบพลัน
ซึ่งอาจเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของเนื้องอก รวมทั้งควรไปตรวจสุขภาพและตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอ
และเมื่อใดก็ตามที่พบว่ามีความผิดปกติควรไปพบแพทย์ทันทีจะเกิดผลดีมากกว่าค่ะ...”
ส่วนทางด้าน
“คุณสุภาพร”
ก็ได้แสดงความคิดเห็นหลังจากได้รับการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องผ่าตัดที่ “โรงพยาบาลลานนา”
โดยระบุว่า
“...รู้สึกดีและพึงพอใจกับผลการรักษามากค่ะ
เพราะทำให้เราไม่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลนาน นอนพักเพียงวันเดียวหลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว
ดิฉันสามารถปฏิบัติกิจส่วนตัวได้เป็นปกติ จะมีแค่อาการหน่วง ๆ
แผลเล็กน้อยจากการผ่าตัด ซึ่งก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บตัวมากแต่อย่างใด ที่ถูกใจอีกอย่างคือแผลผ่าตัดเล็กนิดเดียว
เหมือนไม่ได้ผ่าตัดใหญ่เลยค่ะ และหลังจากกลับบ้านแล้วก็ดูแลตัวเองตามคำแนะนำของคุณหมอ
หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ดิฉันก็สามารถกลับไปทำงาน
และทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเหมือนเดิมค่ะ...ขอถือโอกาสขอบคุณ คุณหมอภัทรามาส และพยาบาลทุกท่าน
ที่ได้ให้การดูแลดิฉันเป็นอย่างดีตลอดการรักษาที่โรงพยาบาลลานนาแห่งนี้ค่ะ...”
นี่ละครับ
ผลของความก้าวหน้าทางการแพทย์ซึ่งมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง
ซึ่งช่วยให้คุณผู้หญิงได้ประโยชน์ในกรณีที่อาจถูก “โรคทางนรีเวช”
มาเบียดเบียนเหมือน “กรณีตัวอย่าง” ที่ “โรงพยาบาลลานนา”
ฝากให้ “หมอจอแก้ว” มาสาธยายและรวมถึง “เทคโนโลยีส่องกล้องผ่าตัดเนื้องอกในรังไข่...ที่มาช่วยลดความกังวลให้คุณผู้หญิงที่เจอปัญหา...ไม่ต้องทนเจ็บนาน
ๆ อีกต่อไปด้วยครับ...”