โรงพยาบาลลานนา เชียงใหม่ ใช้เทคโนโลยี ช่วยในการวินิจฉัย และรักษาโดยการส่องกล้อง www.lanna-hospital.com

7 ธันวาคม 2565

ทนปวดไม่ไหวจากปัญหาทั้ง “ข้อเข่า-ข้อเท้า” เสื่อม!! “รพ.ลานนา” แก้โดยเปลี่ยนใส่ข้อเทียม-เชื่อมข้อเท้า

 



ที่มา-สาเหตุของอาการปวดนาน 5 ปี

ลังจากทำหน้าที่รับใช้ “เจ้านาย” ผู้เป็นเจ้าของ “ข้อเข่า-ข้อเท้า” มาเป็นเวลากว่า 50 ปีก็เริ่มทำท่าออกอาการรวนเรส่งผลให้ขาแข้งเริ่มปัดเป๋และตามมาด้วย “ความเจ็บปวด” ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมา 5 ปีจนในที่สุด “คุณสมศักดิ์ ปาลีตา” มีอายุได้ 59 ปีก็มีความเข้าใจชัดเจนว่าได้ประสบปัญหาภาวะข้อเข่าและข้อเท้าเสื่อมเข้าให้แล้ว โดยเจ้าตัวได้ลำดับความเกี่ยวกับภาวะอาการที่สร้างความทุกข์ในช่วงนั้นว่า

“...เริ่มรู้สึกว่าปวดเข่าและข้อเท้ามา 5 ปีทำแล้วและมีอาการมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากต้องขับรถตู้เป็นเวลานานหลายชั่วโมงในแต่ละวัน และพอลงจากรถจะรู้สึกถึงอาการปวดเข่า เวลาเดินจะได้ยินเสียงก๊อกแก๊กโดยมีอาการปวดร้าวบริเวณเข่าและข้อเท้าร่วมด้วย รวมถึงมีอาการบวม เข่านูน ขาโก่งเสียรูปอีกต่างหาก นอกจากจะทำให้เสียความมั่นใจในบุคลิกภาพแล้วยังปวดทรมานมากเวลาเดิน ใช้ชีวิตประจำวันด้วยความยากลำบากจริง ๆ ครับ...

เมื่อ “คุณสมศักดิ์” เริ่มรู้ตัวว่าชักจะปวดเข่า-ปวดข้อเท้าหนักขึ้นจึงไปรักษาที่ โรงพยาบาลตามสิทธิ์ รวมทั้งแวะเวียนไปตาม คลินิกต่าง ๆ ก็ได้รับการบำบัดรักษาด้วยการทานยาแก้ปวดบ้าง ทำกายภาพบำบัดบ้าง   และได้รับการฉีดยาบ้าง แต่อาการปวดก็ทุเลาลงได้แค่ไม่นานเพราะหลังจากหมดฤทธิ์ยาความปวดก็คืนกลับมาเหมือนเดิมอันเป็นผลจาก “โรคข้อเสื่อม” ตามที่ได้ทราบจากคุณหมอผู้ตรวจ...แต่เวลาที่ไปโรงพยาบาลตามสิทธิ์เพื่อเข้ารับการรักษาทีไรก็ต้องรอคิวนานเพราะมีผู้ป่วยจำนวนมากไปรอรักษาเช่นกันจึงตัดสินใจไปที่

“ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา” จะได้ไม่ต้องรอนานกว่าจะได้รับการตรวจรักษาอาการจาก “โรคข้อเสื่อม” ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุกับผู้คนหลายวัยที่ใช่ว่าจะมาเล่นงานเฉพาะผู้สูงวัยเท่านั้น โดยเฉพาะใครที่ใช้ข้อเข่า-ข้อเท้าหนักเกินกำลังทั้งจากการทำงาน หรือการออกกำลังกาย หรือจากการบาดเจ็บ และพอนานวันเข้าจะส่งผลให้ “ข้อ” เหล่านี้เกิดอาการปวด อักเสบกลายเป็นโรคข้อเข่า ข้อเท้าเสื่อม ยิ่งถ้าปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เสียการทรงตัว และล้มง่าย รวมทั้งสร้างความเจ็บปวดทรมานในการใช้ชีวิตประจำวันได้ในที่สุด ดังกรณีของผู้ป่วยรายนี้ที่ต้องเจอภาวะ “ข้อเข่าและข้อเท้าเสื่อมระยะสุดท้าย” ตนต้องไปเข้ารับการรักษาที่ “ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา” ในที่สุด

ปวดข้อเข่า-ข้อเท้า ใช้เทคโนฯ ก้าวหน้ารักษาได้

ล้งจาก นพ.ปรัชวาล เอี่ยมพร แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ เชี่ยวชาญพิเศษด้านข้อเท้าโรงพยาบาลลานนา” ได้ตรวจวินิจฉัยให้แล้วได้อธิบายให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยว่า

...จากผลการตรวจเอกซเรย์ทั่วไปรวมทั้งการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือ MRI แล้ว ก็เห็นได้ชัดเจนว่ามีภาวะข้อเข่าเสื่อมทั้งซ้ายขวา และมีข้อเท้าเสื่อมทั้งสองข้างจนทำให้ขาโก่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเป็นสาเหตุของอาการเจ็บปวดเวลาเดินหรือลงน้ำหนักจนมาถึงขั้นที่กระดูกข้อเข่า และข้อเท้าเสื่อมระยะสุดท้ายแล้ว และจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด โดยหมอเห็นว่าควรจะรักษาอาการของข้อเข่าเสื่อมเป็นอันดับแรกด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทีละข้างก่อนเพื่อจัดแนวกระดูกขาให้ตรง จะได้ไม่ส่งผลต่อการใช้งานของข้อเท้า หลังจากหายดีและขาไม่โก่งงอแล้วจึงค่อยมาวางแผนการรักษาข้อเท้าที่เสื่อมต่อไป ทั้งนี้โดยจะรักษาภาวะข้อเท้าเสื่อมด้วยเทคโนโลยีการส่องกล้องครับ...”

“คุณหมอปรัชวาล” ได้อธิบายด้วยว่าระยะแรกของการรักษาโรคกระดูกข้อเท้าเสื่อมโดยทั่วไปนั้นแพทย์จะเริ่มด้วยการให้ทำกายภาพบำบัด ใส่อุปกรณ์พยุงข้อเท้า หรือมิฉะนั้นก็ตัดรองเท้าให้รองรับกับสรีระเท้าอย่างลงตัวรวมถึงให้ออกกำลังกายภายใต้การแนะนำของแพทย์ก่อน เพื่อยืดและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น และใช้ยาแก้ปวดและยาบำรุงผิวข้อซึ่งจะช่วยทุเลาอาการเจ็บปวดไปก่อน แต่ถ้ารักษาด้วยวิธีเหล่านี้สักระยะหนึ่งแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรืออาจจะรุนแรงกว่าเดิมจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน จึงจะแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัด ซึ่งในกรณีของ “คุณสมศักดิ์” นั้นคุณหมอได้พิจารณาเห็นควรใช้การรักษาแบบ “เชื่อมข้อเท้า...ด้วยเทคนิคการส่องกล้อง Arthroscopic assisted ankle arthodesisโดยให้รายละเอียดในส่วนนี้ว่า

“...โดยปกติแล้วการผ่าตัดเชื่อมข้อเท้าจะมี 2 วิธีคือผ่าตัดแผลเปิดกับการส่องกล้อง ซึ่งมิใช่ว่าผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะสามารถทำการผ่าตัดโดยการส่องกล้องได้ทุกราย หากแต่ต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป อย่างเช่นข้อเท้ามีสภาพการเอียงค่อนข้างมากก็ไม่สามารถทำให้คืนกลับมาสู่ลักษณะปกติได้ซึ่งกรณีแบบนั้นก็ต้องใช้การผ่าตัดแบบแผลเปิด แต่ข้อเท้าของผู้ป่วยรายนี้เอียงจากเดิมไม่มากนักจึงสามารถใช้เทคโนโลยีผ่าตัดส่องกล้องได้ และปรากฏว่าผลการรักษาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี-น่าพอใจ หลังจากได้รับการเปลี่ยนข้อเข่าเทียมและลักษณะขากลับมาอยู่ในแนวตรงเหมือนเดิมโดยที่แผลจากการรักษามีขนาดเล็กจำนวน 2-3 รูจึงช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ไวกว่าการผ่าตัดแบบเปิดครับ...”



ผู้ป่วยเผย “พ้นทุกข์ทรมานเหมือนได้ชีวิตใหม่”

รุปว่า “คุณสมศักด์” ได้ใช้เวลาเข้ารับทำการรักษาโดยการผ่าตัดทั้งหมด 3 รอบเป็นระยะเวลา 1 ปีกว่า ซึ่งเจ้าตัวเผยความรู้สึกดังนี้

“...หลังจากรักษาแล้วผมไม่มีอาการปวดเข่ากับข้อเท้ามารบกวนอีกเลย ทั้งยังกลับมาเดินได้อย่างมั่นใจ ยิ่งกว่านั้นคือแนวขา 2 ข้างก็กลับมาตรงเหมือนก่อนหน้าที่จะเกิดอาการทำให้หมดกังวลเรื่องว่าจะเสียบุคลิก ก็เหมือนกับว่าได้ชีวิตใหม่กลับคืนมา เพราะฉะนั้นจึงขอฝากมาบอกเล่าให้ท่านที่เจออาการปวดเข่า ปวดข้อเท้าแบบผมและอยากจะหายจากอาการที่เป็นอยู่ละก็...อย่าไปกลัวการผ่าตัดนะครับเพราะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด...ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน-เหมือนกับแค่ว่าเราหลับไป พอตื่นมาก็ผ่าตัดเสร็จแล้ว และหลังจากนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาก เหมือนได้ชีวิตใหม่เลยครับ...ส่วนการปฏิบัติตัวหลังจากนั้นก็แค่ทำกายภาพและฝึกทำท่าบริหารร่างกายตามที่โรงพยาบาลได้ให้คำแนะนำอย่างเคร่งครัดเป็นใช้ได้ครับ...”


ต้องขอบคุณ “คุณสมศักดิ์ ปาลีตา” ที่ได้กรุณาถ่ายทอดประสบการณ์ความทุกข์ทรมานจาก “โรคข้อเข่า-ข้อเท้าเสื่อมระยะสุดท้าย” ตลอดทั้งขอขอบคุณข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์จาก “คุณหมอปรัชวาล” หรือ นพ.ปรัชวาล เอี่ยมพร แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกระดูกและข้อ เชี่ยวชาญพิเศษด้านข้อเท้าโรงพยาบาลลานนา” มา ณ โอกาสนี้ด้วยเลยนะครับ

เข่าเสื่อม เลี่ยงไม่ได้ แต่ชะลอได้  ... มาตรวจเช็คสุขภาพข้อเข่าตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินอาการ วางแผนการรักษา รวมทั้งการดูแลตัวเอง เมื่อต้องเผชิญกับปัญหา ข้อเข่าเสื่อมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ ได้ที่ศูนย์โรคปวดเข่า โรงพยาบาลลานนา โทร.052-134-777